นายพร ศรีไตรรัตน์ หรือครูพร ยึดถือคุณธรรมเป็นหลัก มีจิตควิญญาณของความเป็นครูอย่างเต็มเปี่ยมปฎิบัติตนเป็นตัวอย่างแก่ชนรุ่นหลัง และเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่า ครูพรทำได้ จึงไม่แปลกที่ครูพรจะเป็นที่รักและได้รับความนับถือจากครูตรังและคนตรังทั้งจังหวัด นายพร ศรีไตรรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๔๕๖ ที่บ้านท่าพญา ตำบลท่าพญา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เดิมชื่อ เจ้ง สร้างตั้น เป็นบุตรคนโตของนายเลี่ยง นางติ้ว ศรีไตรรัตน์ มีน้องชายหญิงรวม ๓ คน
นายพรศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนประชาบาลบ้านนาและโรงเรียนประชาบาลท่าพญา อำเภอปะเหลียน ระดับมัธยมที่โรงเรียนวิเชียรมาตุ ต่อมาเข่าอุปสมบทและสอบได้นักธรรมตรี พ.ศ. ๒๔๗๕ แต่ด้วยความตระหนักถึงหน้าที่รับผิดชอบในฐานะบุตรคนโต ประกอบกับพ่อแม่มีอายุมาก จึงลาสิกขาบทมาเป็นครู ได้เลื่อนเป็นครูใหญ่โรงเรียนท่าพญาในเวลาต่อมา ด้วยความรักเรียนและความมีมุมานะ ได้ศึกษาด้วยตนเอง สอบได้ครูพิเศษมูล (พ.) พ.ศ. ๒๔๗๘ วิชาครูประถม (พ.ป.)พ.ศ. ๒๔๘๓ ต่อมาได้รับตำแหน่งเป็นครูตรวจการประถมศึกษาอำเภอปะเหลียน ได้รับการบรรจุเป็นศึกษาธิการอำเภอปะเหลียน ย่านตาขาว กันตัง และเมืองตรัง เป็นศึกษาธิการอำเภอโท และตำแหน่งสุดท้ายเป็นศึกษาธิการอำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง
นายพรครองชีวิตอย่างเรียบง่าย ปฎิบัติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดี ทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร มองเห็นและเข้าใจปัญหาของเพื่อนครู พยายามช่วยเหลือเพื่อนครู คลี่คลายปัญหาอย่างจริงใจ มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ให้เกียรติและยกย่องผู้บังคับบัญชา มองเห็นความสำคัญของการสืบทอดวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น จึงริเริ่มการจัดงานประจำปีงานปีใหม่ของอำเภอย่านตาขาว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ และงานประเพณีรอยกระทงที่อำเภอกันตัง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔
งานครูทำให้นายพรพบปัญหามากมายในการอบรมให้เยาวชนเป็นคนดี ขณะดำรงตำแหน่งนายกยุวพุทธิกสมาคมส่งเสริมให้นักเ รียนศึกษาธรรมะแล้วส่งเข้าสมทบสอบที่ส่วนกลาง มีนักเรียนสอบได้ธรรมศึกษาตรีเป็นจำนวนมาก นับเป็นการปลูกฝังคุณธรรมในตัวเยาวชนให้มีภูมิคุ้มกันไม่ให้หลงผิดประพฤติเสื่อมเสีย และในฐานะกรรมการเลขานุการของคณะกรรมการจัดหาและสร้างสนามกีฬา ที่ทุ่งหนองบัวหรือพรุบัว (ท้ายพรุ)ได้ยืนหยัดฟันฝ่าอุปสรรคเกี่ยวกับการที่ชาวบ้านไม่ยอมคืนที่ครอบครองจนสำเร็จ จัดสร้างสนามกีฬงหวัดได้เสร็จเรียบร้อย ใน พ.ศ. ๒๕๒๖ งานชิ้นนี้ทำให้นายพรภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับได้กล่าวว่า ได้จัดหาที่เล่นออกกำลังกายให้แก่ลูกหลานแล้ว
นายพรหันเหจากงานศืกษามาลงสมัครผู้แทนราษฎรและได้รับการเลือกตั้ง ๒ ครั้ง สมักสมัครในนามของพรรคสหประชาไทย พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้รับเลือกพร้อมกับนายชวน หลีกภัย ครั้งที่ ๒ ได้รับเลือกในนามพรรคกิจสังคม พ.ศ. ๒๕๒๒ นายพรมีทรรศนะเกี่ยวกับงานในหน้าที่ผู้แทนราษฎรว่าเป็นงานหนักและมีปัญหามาก เขาทำงานอย่างเอาจริงเอาจังทุ่มชีวิตจิตใจให้แก่งานโดยไม่คิดถึงตัวเองหรือครอบครัว
ผลงานจากการเป็นผู้แทนราษฎรของนายพรเป็นผลงานที่มุ่งสร้างความเจริญให้ท้องถิ่นและการให้บริการ เช่น การเสนอขอให้เปิดเดินขบวนรถเร็วตรัง – กรุงเทพฯ การขอใช้ที่ดินป่าสงวนแห่งชาติให้วิทยาลัยเกษตรกรรมตรัง ๓,๐๐๐ ไร่ ขอที่ราชพัสดุให้โรงเรียนการช่างตรัง (ชาย – หญิง) ซึ่งได้แก่วิทยาลัยเทคนิคตรังและวิทยาลัยสารพัดช่างปัจจุบัน