บุคคลผู้มีชื่อเสียงทางการเมือง-มงคล ณ นคร : นักสู้เพื่อประชาชน

มงคล ณ นคร เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๕ ที่จังหวัดภูเก็ต เป็นบุตรของนายหิรัญ นางละม่อม ณ นคร สมรสกับนางประจวบ ณ นคร มีบุตร หนึ่งคน คือนางประคอง กันตังกุล (สมรสกับ นายสมนึก กันตังกุล) จบการศึกษาชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๖ จากโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย แล้วเข้าทำงานโรงสีที่อำเภอกันตัง และตั้งเตาเผาถ่านที่ตำบลทุ่งกระบือ อำเภกย่านตาขาว

นายมงคลได้ประท้วงญี่ปุ่นที่ยกพลเข้าประเทศเมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง โดยกระโดดจากชั้นสองของโรงแรมศิริไทย อำเภอกันตัง จนบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นเสรีไทยคนหนึ่งที่กล้าติดป้ายหน้าบ้านว่า เสรีไทย ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลกันตังติดต่อกันสามสมัย และเป็นเทศมนตรีฝ่ายโยธาธิการ เคยลงสมัคร ส.ส. แต่แพ้นายก่อเกียรติ ษัฎเสน ส.ส. ตรัง ๓ สมัย ซึ่งเป็นเพื่อน

ใน พ.ศ. ๒๔๙๕ เป็นหนึ่งในตัวแทนชาวสวนยาง เข้าร่วมประชุมสันติภาพที่โรงแรมสุริยานนท์ กรุงเทพฯ เข้ายื่นหนังสือคัดค้านต่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น เพื่อขอให้รัฐบาลยกเลิกสนธิสัญญาที่ทำไว้กับอเมริกา เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๔๙๓ ซึ่งไทยจะต้องขายแร่และยางพาราให้กับอเมริการ้อยละ ๖๐ อีกร้อยละ ๔๐ ต้องขายให้กับประเทศในยุโรปตะวันตก ส่วนราคานั้นให้ถือตามราคาในเมืองชิคาโก (ในระยะนั้นราคายางพาราเฟื่องฟูกิโลกรัมละ ๒๕ บาท แต่ราคาตกลงเหลือกิโลกรัมละ ๓ – ๕ บาท) นายมงคลได้ร่วมเรียกร้องให้มีการค้าเสรีและให้มีการสถาปนาสัมพันธภาพทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นตัวแทนของชาวสวนยางภาคใต้อย่างแท้จริง ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มียางพาราเลยแม้แต่ต้นเดียว

นายมงคลคัดค้านการส่งทหารไทยร่วมรบในสงครามเกาหลี เป็นผู้ตั้งสมาคมกรรมกรไทย สาขาจังหวัดตรัง และเป็นนายกสมาคมกรรมกรไทย สาขาตรังคนแรก หลังจากนั้นถูกจับพร้อมกับเพื่อนอีกหลายคนในข้อหากบฎ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๕ หรือที่เรียกกันว่า กบฎสันติภาพ ถูกขังที่แดน ๖ เรือนจำบางขวาง หลังจากออกจากคุก กลับไปใช้ชีวิตครอบครัวที่กันตัง จังหวัดตรัง ช่วยเหลือเพื่อนบ้านที่มาขอความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ให้คำแนะนำทางด้านการประกอบอาชีพ และความเป็นอยู่ เช่น ในระยะนั้นโจรปล้นโคกระบือมีชุกชุม จึงแนะนำให้ชาวบ้านทำคอกโคระบือรวมเป็นคอกใหญ่ จัดเปลี่ยนเวรยามป้องกันไม่ให้โจรปล้นไปได้ ทั้งช่วยให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตย์มีความสะดวกในการไปฉีดซีนสัตว์ ขณะนั้นกันตังยังไม่มีไฟฟ้าใช้เขาแนะนำให้ลงหุ้นเดือน ซื้อตะเกียงเจ้าพายุปั๊มลมบ้านละหนึ่งดวง ชาวบ้านจึงมีตะเกียงเจ้าพายุใช้กันอย่างแพร่หลาย

ใน พ.ศ. ๒๕๐๗ ด้สยแรงผลักดันจากกระแสการเมืองในยุคนั้น เขาต้องจำใจ เดินทางออกนอกประเทศ ทางเลือกหลังจากนั้นคือการเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในนาม ลุงเทียน อาศัยอยู่ในแผ่นดินจีน นายมงคล ณ นคร เดินทางกลับมาแผ่นดินแม่ เมื่อ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๕ ด้วยผมที่ขาวโพลน ในวัย ๗๑ ปี ใชชีวิตในบั้นปลายกับครอบครัวอันอบอุ่นที่กันตังเพียง ๗ ปี ก็ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๓

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>