คริสตจักรตรัง
Trang church, located in Thab Thiang sub district was built in 1915 during King Rama 5. The building was originally buit with bamboo and thatched roof before its renovation in 1985.
All you need to know about Trang Thailand, 92000
Trang church, located in Thab Thiang sub district was built in 1915 during King Rama 5. The building was originally buit with bamboo and thatched roof before its renovation in 1985.
The Phraya Rasadanupradit Mahisorn Phakdi Musuem in Kantang district offers a fascinating glimpse through the mists of time to tell the story of the province’s history.
“เมืองทับเที่ยง” หรือ “เมืองตรัง” เป็นเมืองศูนย์กลางด้านธุรกิจการค้ามาตั้งแต่อดีต เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีชาวจีนเข้ามาบุกเบิกทำสวนพริกไทยกันอย่างกว้างขวางจนเกิดเป็นตลาดการค้าขนาดใหญ่ขึ้น และเมื่อมีการย้ายที่ตั้งเมืองตรังจากตัวเมืองกันตังมาตั้งที่เมืองทับเที่ยง ทำให้ชุมชนตลาดการค้าเริ่มขยายตัวจนกลายสภาพเป็นตัวเมืองตรังดังเช่นในปัจจุบัน ด้วยประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานที่ยาวนานส่งผลให้เมืองทับเที่ยงกลายเป็นแหล่งรวมมรดกทางสถาปัตยกรรมหลากหลายรูปแบบเป็นหลักฐานที่สะท้อนความเจริญรุ่งเรืองของเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี มรดกทางสถาปัตยกรรมในเมืองตรังมีรูปแบบที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามกลุ่มชาติพันธ์ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในตัวเมืองตรัง ซึ่งสามารถจำแนกออกได้เป็น 5 กลุ่ม คือ 1) สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น 2) สถาปัตยกรรมแบบจีน 3) สถาปัตยกรรมแบบนีโคลาสสิค 4) สถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส และสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย มรดกทางสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่บริเวณศูนย์กลางธุรกิจการค้าของเมืองทับเที่ยงย่านถนนราชดำเนิน ถนนพระรามที่ 6 และถนนกันตัง หนึ่งในกลุ่มอาคารที่เป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมแบบจักรวรรดิ์นิยม (Colonial Style) ในตัวเมืองตรัง คือ บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “จวนผู้ว่า”...
ลิเกป่า ลิเกป่า ลิเกบก ลิเกรำมะนา หรือแขกแดงก็เรียก เป็นศิลปะการแสดงที่เล่นทั่วไปในจังหวัดชายทะเลฝั่งตะวันตก เชื่อกันว่าเริ่มเกิดขึ้นที่ปากแม่น้ำตรัง ในอำเภอกันตังปัจจุบัน เพราะไม่ว่าจะเล่นในจังหวัดใดในบทร้องตามท้องเรื่องแต่เดิมนั้นใช้ฉากที่อำเภอกันตังเป็นหลัก
หนังตะลุง หนังตะลุงเป็นศิลปะการละเล่นของเมืองตรังที่โดดเด่นของเมืองตรังงานรื่นเริงทุกชนิดของเมืองตรังรวมทั้งงานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ บวชนาค งานศพและงานแก้บนต่างๆ มักจะไม่ขาดหนังตะลุง
วัฒนธรรมชนเผ่าซาไก พวกชนเผ่าซาไก หรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่าพวกชาวป่า หรือ เงาะ แต่คนเหล่านี้เรียกตัวเองว่า มันนิ ดำเนินชีวิตอยู่ในดินแดนแถบเทือกเขาบรรทัด มีส่วนหนึ่งอยู่ที่บ้านลิพัง อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง การรวมกลุ่มของซาไกหรือมันนินั้น ปกติและกลุ่มจะประกอบด้วย 2 ครอบครัวขึ้นไป และจำนวนสมาชิกแต่ละกลุ่มจะมีประมาณกลุ่มละ 15 – 30 คน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการหากิน มีหัวหน้าปกครองกลุ่มเมื่อหัวหน้ากลุ่มตายลงก็เลือกกันใหม่ ไม่มีการสืบตำแหน่งตามสายเลือด
ชาวไทยเชื้อสายจีนในเมืองตรังได้ถือปฏิบัติประเพณีของบรรพบุรุษมาโดยต่อเนื่อง เมื่อถึงช่วงเทศกาลก็จะจัดให้มีกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกัน และยึดมั่นในวัฒนธรรมของตนอย่างเหนียวแน่น ตรุษจีน ช่วงเทศกาลตรุษจีน เป็นช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประมาณเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ของทุกปี เตรียมงานกันประมาณ 1 ปักษ์ จะช่วยกันปัดกวาดทำความสะอาดบ้านเรือน เตรียมเสื้อผ้าใหม่
ประเพณีของชาวไทยมุสลิม ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดตรังมีวิถีความเป็นอยู่บนพื้นฐานศาสนธรรมและหลักการของอิสลาม จึงมีประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาและชีวิต ดังตัวอย่าง ประเพณีการถือศีลอด การถือศีลอด (ศีล – อด) หรือปอซา ซึ่งเป็นการงดเว้นการระงับยับยั้ง การครองตน เป็นการงดเว้นบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม การร่วมเพศ การรักษาอวัยวะทุกส่วนให้พ้นจากการกระทำชั่ว
ชาวไทยพุทธ และชาวไทยเชื้อสายจีนเมืองตรัง ส่วนใหญ่มีกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาและปฏิบัติต่อเนื่องกันมาจนเป็นประเพณีท้องถิ่น เช่น ตักบาตรปีใหม่ สงกรานต์เดือน 5 ลากพระเดือน 5 และลากพระเดือน 11 ถวายเทียนพรรษา เดือน 8 ลอยกระทงเดือน 12 และมีพิธีอื่นๆ ตามท้องถิ่น เช่น ลาซัง ทำขวัญข้าวซึ่งจัดหลังการเกี่ยวข้าว เป็นต้น ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะบางประเพณีที่เด่นชัด
เมืองตรังมีประเพณีหลายอย่างตามพื้นฐานของผู้คน มีประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาล ประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา ประเพณีในรอบปี ประเพณีที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิต ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นที่น่าสนใจ ได้แก่ ประเพณีงานศพ เมืองตรังมีทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ประเพณีงานศพเมืองตรังจึงมีพิธีกรรมที่แตกต่างไปตามศาสนาและความเชื่อดั้งเดิม แต่มีบางอย่างที่เหมือนกันอันแสดงถึงความเป็นตรัง
การกินอยู่ ชาวตรังถือว่าการกินอยู่เป็นเรื่องสำคัญ อาหารของเมืองตรังจึงเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาอยู่หลายชนิด ในงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานศพ งานแต่งงาน หรืองานอื่นๆ จะมีการจัดเลี้ยงอาหารกันอย่างเต็มที่เสมอ
การแต่งกาย การแต่งกายของผู้คนในจังหวัดตรังในอดีตถึงปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงมาตามยุคสมัย ชาวบ้านแต่เดิมโดยทั่วไปนุ่งผ้าโจงกระเบน ผู้ชายมักนุ่งแบบไว้ชายเรียกว่านุ่งเลื้อยชายหรือลอยชาย คือใช้ผ้าทอผืนยาวนุ่งขมวดพกรัดเอวแบบเกี่ยวคอไก่ และจะใช้ผ้าขาวม้าพาดบ่าหรือรัดเอวทับ ไม่ค่อยจะสวมเสื้อ
ไหว้พระภูมิ – พลีเรือน การไหว้พระภูมิ – ทำขวัญบ้าน (พลีเริน หรือ พลีเรือน) เป็นประเพณีจากความเชื่อที่ว่า มีพระภูมิเจ้าที่เป็นเทพารักษ์ประจำสถานที่ใช้ปลูกส้รางบ้านเรือนที่อาศัย พระภูมิมีหลายองค์ แต่ที่มักจะออกชื่อในพิธีเซ่นสังเวย มีท้าวกรุงพาลีนางธรณีรักษาแผ่นดิน บริถิวรักษาทางสัญจร ท้าวนาคารักษาห้วงน้ำ
ไหว้ครูหมอ – ตายาย ครูหมอและตายาย เปรียบเสมือนเสาหลักของบ้านอันเป็นที่พึ่งพาช่วยเหลือปกปักรักษาลูกหลาน หมอชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีครูหมอ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยช่วยเหลือดูแลในการรักษาคนไข้ หรือตายายซึ่งเป็นบรรพบุรุษที่เคารพนับถือเป็นผู้ช่วยเหลอปกปักรักษาบุตรหลาน จึงพบเห็นการตั้งหิ้งบูชาไว้ที่บ้าน ใช้ผ้าขาวดาดเพดานไว้เหนือหิ้ง มีพานหมากพลู (เรียกว่า เชี่ยนครู) มีเทียนครูปักไว้ในพานและกระถางธูปบูชาประจำบ้าน
ความเชื่อมีอิทธิพลต่อแนวคิดและการประพฤติปฏิบัติของบุคคลและชุมชน ความเชื่อของชาวตรังก็เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ในภาคใต้คือเป็นความเชื่อที่มีพื้นบานมาจากลัทธิศาสนา เท่าที่มีอยู่ทั่วไปจะเป็นความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิต่างๆ และอาจเชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์ ซึ่งจะมีเกร็ดความเชื่อต่างๆ ในจังหวัดตรัง ดังนี้
พราหมณ์ในจังหวัดตรัง หลักฐานทางโบราณคดีที่เกี่ยวกับพราหมณ์ในจังหวัดตรังไม่ปรากฏชัด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเมืองตรังเป็นเพียงทางผ่านของอารยธรรมจากอินเดียเข้าสู่ศูนย์กลางความเจริญที่อยู่ลึกเข้าไป คือ ศรีวิชัย นครศรีธรรมราช และพัทลุง จึงไม่ปรากฏหลักฐานโบราณวัตถุหรือโบราณสถานใดๆ ที่เกี่ยวกับพราหมณ์ในจังหวัดตรัง จะมีเพียงบุคคลผู้สืบสายสกุลจากพราหมณ์
คริสต์ศาสนาในจังหวัดตรัง คริสตชนในจังหวัดตรังเริ่มแรกจำกัดอยู่ในหมู่ตลาดของเขตตรังเมือง ต่อมาจึงแพร่หลายออกไปตามเขตอื่นบ้าง แต่ไม่มาก คือไม่ถึงร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมด และยังแบ่งเป็น 2 นิกาย ได้แก่ โปรเตสแตนต์ กับโรมันคาทอลิก
ศาสนาอิสลามในจังหวัดตรัง ราวๆ ต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ศาสนาอิสลามเข้ามาในแหลมมลายูพร้อมกับการค้าของชาวอาหรับและแพร่หลายไปมั่วในกลุ่มคนพื้นเมืองมลายู ต่อเนื่องมาจนถึงทางภาคใต้ของไทยและเมืองตรัง ที่เมืองตรังจะแพร่หลายอยู่ในชุมชนชายฝั่งทะเลเป็นส่วนมาก ประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามในจังหวัดตรังส่วนใหญ่จึงเป็นหมู่เลอยู่ในเขตอำเภอสำเกา กันตัง ปะเหลียน ย่านตาขาว และกิ่งอำเภอหาดสำราญ หลักฐานที่ปรากฏชัดถึงการมีอยู่และเป็นที่ยอมรับว่าศาสนาอิสลามและมุสลิมเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเมืองตรัง คือในทำเนียบกรมการเมืองของเก่า พ.ศ. 2355 กล่าวถึงตำแหน่งกรมการเมืองต่างๆ รวมทั้งกรมการเมืองฝ่ายอิสลาม ซึ่งมีด่านทะเลฝ่ายไทยอิสลามมีด้านเกาะลิบง ด่านชายฝั่ง ด่านตอนใน และประวัติบอกเล่าของกลุ่มคนในตระกูลเก่าของอำเภอปะเหลียน กล่าวว่า เมื่อบ้านหยงสตาร์และบริเวณใกล้เคียง มีกลุ่มไทยมุสลิมอาศัยอยู่หนาแน่น ทางการได้แต่งตั้งหลวงจางวางราชสมบัติ (จอมซินตรี) ดูแลกลุ่มมุสลิมแถบชายทะเล ปัจจุบัน ตรังเป็นจังหวัดหนึ่งที่ราชการกำหนดให้มีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ดูแลกลุ่มชนมุสลิมตรังในด้านการปฏิบัติกิจทางศาสนาและพิธีกรรมให้เกิดความสะดวกและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ...
พุทธศาสนาในจังหวัดตรัง การเผยแผ่พุทธศาสนาเข้าสู้จังหวัดตรังมีมานานแล้ว หลักฐานที่ปรากฏ คือโบราณวัตถุประเภทพระพิมพ์ดินดิบในถ้ำต่างๆ แถบอำเภอห้วยยอด แสดงอิทธิพลของพุทธศาสนามหายาน เป็นหลักฐานร่วมสมัยกับอาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งมีอายุประมาณตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 – 15 ต่อมามีตำนานพื้นบ้าน เช่น ตำนานนางเลือดขาวสร้างวัด สร้างพระพุทธรูปและนำพระพุทธสีหิงค์เข้ามาเมืองตรัง ตำนานการเดินทางไปร่วมบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
กลองยาว ในสังคมเมืองตรัง กลองยาวเป็นดนตรีที่นิยมบรรเลงประกอบงานต่างๆ เช่น นำขบวนแห่ศพ แห่นาค ขบวนขันหมากแต่งงาน ขบวนลากพระ ฯลฯ กล่าวได้ว่ากลองยาวเป็นส่วนหนึ่งในขบวนแห่ มีผู้ร่วมขบวนร่ายรำอย่างสนุกสนาน สร้างบรรยากาศครื้นเครงให้ผู้คน เสริมสร้างความสัมพันธ์ ความสนุกสนานในโอกาสต่างๆ เป็นอย่างดี