“ผมเกิดที่นี่และก็คงจะตายอยู่ที่นี่ การที่ผมเข้ามารับใช้ท้องถิ่น เพราะผมอยากให้บ้านเมืองเราพัฒนาไปในทิศทางที่ทุกฝ่ายพึงประสงค์ ผมอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุขเท่าที่ผมอยู่ที่ตรัง เพราะที่นี่คือบ้านเกิดของผม”

     ประโยคที่สะท้อนการทุ่มเททำงานในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครตรัง ของ ชาลี กางอิ่ม ซึ่งไม่เพียงแค่ทำตามหน้าที่ หากแต่ทำให้หน้าที่นี้สร้างคุณูปการและการยอมรับจากภายนอกไม่เฉพาะกับคนตรังเท่านั้น      
                     
     “จังหวัดตรังมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ที่มีจุดเด่นมากมายไม่เหมือนที่อื่น โดยเฉพาะในเรื่องวัฒนธรรมงานศพของเมืองตรัง อาจจะเรียกว่ามีที่เดียวในโลกเพราะเราไม่มีแจกบัตรเชิญ เพราะบัตรเชิญงานศพของเมืองตรังจะติดไว้ตามแหล่งนัดพบของชุมชน แหล่งประชาสัมพันธ์ เช่นร้านกาแฟ นี่เป็นวัฒนธรรมหนึ่งของจังหวัดตรัง ชาวตรังนั้นอยู่ด้วยการมีความรัก ความเอื้ออาทร ต่อคนด้วยกัน จะเห็นได้จากเวลามีงานศพจัดเลี้ยงอาหารการกินอย่างไรเจ้าภาพก็ไม่ขาดทุน หากชาวตรังไม่มีความรักความเอื้ออาทรต่อกันสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร”

     เขาเล่าอย่างภูมิใจว่าคนตรังสนใจการเมืองมาก วิจารณ์กันมาก เพราะตรังมีสภาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอยู่ 2 สภา คือ สภากาแฟ และสภางานศพ คนตรังถกกันทุกเรื่องใน 2 สภานี้ ยกตัวอย่างเวลามีเลือกตั้ง อบต.ไปตามชนบทก็พูดแต่เรื่องการเมืองกัน พอเวลามีฟุตบอลโลกก็ถกกันเรื่องบอลโลก ฯลฯ

     “เราต้องพัฒนาคน พัฒนาการศึกษา และส่วนหนึ่งก็เรื่องการท่องเที่ยวด้วย เมืองตรังเป็นเมืองน่าอยู่อยู่แล้ว แต่จะเสริมอย่างไรให้เมืองเราน่าอยู่ยิ่งขึ้นซึ่งผมก็ว่าเราก็ต้องเสริมในจุดเหล่านี้ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวของเมืองตรังจุดขายของเราก็คือเมืองแห่งการกิน อาหารเราอร่อย อุดมสมบูรณ์ ในส่วนที่จุดขายถัดมา เราน่าจะดึงจุดขายด้านระบบนิเวศน์ เทศบาลได้รับคัดเลือกให้เป็นเทศบาลนำร่องในการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม 5 ด้าน ซึ่งมีแค่ 2 เทศบาลในประเทศไทยที่ได้นำร่อง คือ ตรังและนครราชสีมา”

     “เรามีพื้นที่สีเขียวที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน ตามพื้นที่ผังเมืองต่อคน 1000 คนมาตรฐานอยู่ที่ 1.8 ไร่ แต่เรามีถึงเกือบ 6 ไร่ ที่สำคัญเราต้องพัฒนาให้เมืองตรังน่าอยู่อย่างยังยืนไม่จำเป็นต้องพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่ค่อยๆ ไป ให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมไปด้วยกันและไม่ทำลายระบบนิเวศน์”

     “ผมคิดว่ามุมมองของผู้นำแต่ละท้องถิ่นไม่เหมือนกัน ผมไปบรรยายต้อนรับคณะดูงานจากภูเก็ต ผมก็ ขอโทษเขาและกล่าวตรงๆ ว่า ตอนนี้ภูเก็ตไม่ใช่เมืองน่าอยู่แล้ว แต่ยังเป็นเมืองน่าเที่ยวอยู่ ทั้งที่ในอดีตภูเก็ตเป็นเมืองน่าอยู่ด้วย ผมชอบมากภูเก็ตในสมัยก่อนโจรผู้ร้ายไม่มี คุกที่ภูเก็ตไม่มีคนร้ายชาวภูเก็ตเลย มีแต่พวกเรือพวกตังเกเท่านั้นที่ติดคุกที่ภูเก็ต ชายหาดภูเก็ตสวยงามมาก น่าอยู่มาก ใครไปเที่ยวก็ปูเสื่อหุงข้าวกินกันที่ชายหาด ผมไม่อยากให้ตรังเป็นแบบนั้น! แต่ถามว่าผมจะทำได้ไหมเพราะพื้นที่ท่องเที่ยวไม่ได้อยู่ในเขตเทศบาล 

     “จังหวัดตรังยังโชคดีที่สถานที่ท่องเที่ยวอยู่ในเขตอุทยานฯ ทำให้เรายังมีความอุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศน์อยู่ ลงทะเลหันกลับมาก็เจอแต่พื้นที่สีเขียว แต่พัทยา ภูเก็ต เกาะสมุย หันกลับมาเจอแต่ตึก มันก็แล้วแต่มุมมองแต่สิ่งที่ผมทำตรงนี้ทำเพื่อจังหวัดตรัง มิใช่ทำเพื่อเทศบาล และถ้าผมมีอำนาจ ผมไม่อยากให้มี เธค ผับ ในเขตเทศบาลเลย เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สร้างสรรค์สังคมเลย มันก็เป็นแนวคิดของผม”