ผลงานและคุณงานความดีของศาสตรจารย์ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในแวดวงการแพทย์และการทางด้านการศึกษา การปฏิบัติงานทุกตำแหน่งหน้าที่ ของ ศ.นพ.จรัส ได้ยึดหลักความรู้คู่คุณธรรมเสมอมา และมีความมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังและสร้างความตระหนักให้แก่ผู้ร่วมงานและผู้เกี่ยวข้องรอบข้าง
เป็นความภาคภูมิใจของขาวตรังที่ ศ.นพ.จรัส ได้รับคัดเลือกให้เป็นบุคคลตัวอย่างของมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรมติณสูลานนท์ ประจำปี 2539 อีกทั้งได้รับโล่และประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติ ของสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) ในฐานะเป็นบุคคลที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สังคม เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2541
ศ.นพ. จรัส เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2475 ที่ตำบลน้ำผุด อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เป็นบุตรนายจ้อง - นางแล่ม สุวรรณเวลา มีพี่น้อง 5 คน เป็นบุตรคนที่ 3 เมื่อวัยเยาว์ศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนอนุกูลทีบเที่ยง จังหวัดตรัง มัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนวิเชียรมาตุ จังหวัดตรัง มัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย แล้วศึกษาต่อคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบเตรียมแพทย์ ได้รับเหรียญทองแดง คะแนนดีเยี่ยมปีที่ 1 และ 2 และเข้าศึกษาคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ได้รับปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) เมื่อปี พ.ศ. 2498
พ.ศ. 2500 ได้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล ไปศึกษาวิชาประสาทศัลยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐอเมริกา ได้รับปริญญามหาบัณฑิตศัลยแพทย์ และสำเร็จการฝึกอบรมและสอบได้ประกาศนียบัตรรับรองแบบต่างประเทศจากอเมริกันบอร์ดทางประสาทศัลยศาสตร์
ผลงานเกี่ยวกับการศึกษาและการแพทย์
ได้จัดตั้งบริการและการฝึกอบรมด้านประสาทศัลยศาสตร์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์กำหนดเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาการแพทย์ในประเทศไทยและเป็นกำลังสำคัญในการก่อตั้งวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยเป็นเลขาธิการ คนแรกของวิทยาลัยแห่งนี้เมื่อท่านดำรงตำแหน่งคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ได้ทำให้การศึกษาแพทย์เปลี่ยนแนวใหม่เกิดเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาแพทย์ศาสตร์และในโอกาสเดียวกันนี้ยังได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อีกตำแหน่งหนึ่งได้สร้างอาคารผู้ป่วยนอกสูง 20 ชั้นด้วยเงินบริจาค 500 ล้านบาทเน้นความสำคัญของห้องปฏิบัติการพื้นฐานจัดให้มีเครื่องมือทางคลินิกมีการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจรายแรกและเด็กหลอดแก้วรายแรกก็ประสบความสำเร็จในช่วงนี้เช่นกัน
ในปีพ.ศ. 2532 ศ.นพ. จรัสได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยงานของมหาวิทยาลัยได้พัฒนาไปหลายด้านเช่นมีการวางแกนใยแก้วเพื่อการสื่อสารข้อมูลระหว่างคณะสถาบันและศูนย์ต่างๆในมหาวิทยาลัยมีการตั้งเป้าหมายเป็นเกณฑ์ให้บัณฑิตจุฬาฯมีสมรรถนะทางคอมพิวเตอร์โดยมีเครือข่ายศูนย์คอมพิวเตอร์ทุกวิชารวมทั้งการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
ต่อมาได้ริเริ่มจัดตั้งวิทยาลัยสาธารณสุขในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยใช้หลักสาธารณสุขแนวใหม่ได้เน้นและเร่งสากลสภาพของมหาวิทยาลัยกำหนดแผนงานการศึกษาด้านคุณธรรมและจริยธรรมรวมทั้งด้านศิลปวัฒนธรรมได้ดำเนินการในรูปแบบต่างๆทั่วมหาวิทยาลัยทำให้มหาวิทยาลัยมีทั้งวงการซิมโฟนีออร์เคสตราและวงดนตรีไทยภายหลังจากครบวาระแรกในตำแหน่งอธิการบดีในพ.ศ. 2535 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในวาระที่ 2 อีก 4 ปี
ในปีพ.ศ. 2532 ได้รับเหรียญสุขภาพดีถ้วนหน้าจากองค์กรอนามัยโลก
ผลงานเกี่ยวกับงานวิจัย
ศ.นพ. จรัส ได้ทำงานด้านการวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและประเทศชาติโดยส่วนรวมอาทิทำการวิจัยทางคลินิกด้านประสาทศัลยศาสตร์ได้แก่รายงานการศึกษาโรคถุงเยื่อหุ้มสมองที่ดั้งจมูกแต่กำเนิด ศ.นพ. จรัส เป็นผู้อำนวยการคนแรกของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์มีผลงานวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพเช่นการวางแผนครอบครัวการติดยาเสพย์ติดโรคมาลาเรีย
ศ.นพ. จรัส ได้รับแต่งตั้งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหลังจากนั้นมหาวิทยาลัยก็เข้าสู่ระบบการเปลี่ยนแปลงเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย
ในปีพ.ศ. 2524 ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่นจากทุนรัชดาภิเษกสมโภชของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2527 ได้รางวัลผลงานวิจัยดีเด่นจากสภาวิจัยแห่งชาติและในปี 2528 ได้รับรางวัลเป็นนักวิจัยดีเด่นของวิทยาศาสตร์การแพทย์
องค์การอนามัยโลกแต่งตั้งให้ศ.นพ. จรัส สุวรรณเวลา เป็นกรรมการที่ปรึกษาด้านการวิจัยสุขภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างพ.ศ. 2521 ถึง 2524
ต่อมาเป็นกรรมการที่ปรึกษาการวิจัยสุขภาพระดับโลกเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานให้คำปรึกษาขององคืการอนามัยโลกด้านการวางแผนครอบครัวการติดยาเสพย์ติดและทรัพยากรมนุษย์สุขภาพ
ผลงานระดับภูมิภาค
ศ.นพ. จรัส เป็นผู้มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์และเป็นผู้มีคุณธรรมเป็นที่ยอมรับของวงการแพทย์ต่างประเทศได้รับแต่งตั้งเป็นเลขนุการประชุมประสาทศัลยศาสตร์ภูมิภาคอาเซียนและออสเตรเลียเป็นเฟรรัญญิกสมาคมประสาทศัลยศาสตร์อาเซียนและออสเตรเลียเป็นนายกสมาคมประสาทศัลยศาสตร์เป็นนายกสมาคมวิทยาลัยศัลยแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทยนายกสมาคมอคาเดเมียประสาทศัลยศาสตร์ยุโรป - อาเซียเป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารหลายสมาคม
เป็นผู้นำในการทำงานตามหลักการความรู้คู่คุณธรรม
เป็นที่ยกย่องของผู้ร่วมงานและผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของ ศ.นพ. จรัส สุวรรณเวลา ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตจนได้รับการยกย่องตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ในขณะที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังและสร้างความตระหนักที่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตแก่บุคลากรในสถาบันทั้งคณาจารย์และนิสิตโดยยึดหลักความคู่คุณธรรมเพิ่มเติมในด้านวิชาการให้เกิดแก่ตนเองโดยไม่เอาความรู้ความคิดหรือผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนและเน้นการไม่พูดเท็จและความซื่อสัตย์
หลักในการทำงานอีกอย่างหนึ่งคิดแล้วทำแล้วคิดในความหมายให้มีการวางแผนรัดกุมพิจารณาผลดีผลเสียลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนเต็มกำลังความสามารถเมื่อทำเสร็จพิจารณาวิเคราะห์อีกครั้งเป็นการทบทวนและพัฒนาผลงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเกิดประโยชน์แท้จริง
ศ.นพ. จรัส มีข้อคิดเกี่ยวกับการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการว่าการลงโทษผู้กระทำผิดจะต้องทำอย่างจริงจังและเฉียบขาดโดยยึดถือคำกล่าวที่ว่าหากไม่จัดการลงโทษ ปล่อยให้คนทุจริตและประพฤติมิชอบคงอยู่ในองค์กรต่อไป เปรียบเหมือนว่าองค์กรนั้นสนับสนุนผู้กระทำทุจริตหรือประพฤติมิชอบ จนองค์กรต้องประสบปัญหา
ในปี พ.ศ. 2534 ศ.นพ. จรัส สุวรรณเวลา ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และต่อมาเป็นวุฒิสมาชิก และกรรมาธิการสาธารณสุขของวุฒิสภา
|