ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าหนึ่งในสินค้า ที่ผลิตจากเมืองตรัง ที่มีชื่อเสียงดังไปไกลทั่วประเทศ และทั่วโลก คือ ปลากระป๋องปุ้มปุ้ย กับโลโก้ปลายิ้ม มีน้ำลายไหล 3 หยด
คุณสลิล โตทับเที่ยง บอกเล่าเรื่องราว กว่าจะมีวันนี้ ของปลากระป๋องสัญชาติไทยว่า ปลากระป๋องในซอสมะเขือเทศนั้นถือกำเนิดในสเปน อิตาลี มากว่า 100 ปี
ในอดีตคนไทยกินปลากระป๋องนำเข้าทั้งสิ้น ต่อมามีการจัดตั้งโรงงานปลากระป๋องสัญชาติไทย นำวัตถุดิบในประเทศ เช่น ปลา มาผลิตเป็นปลากระป๋อง และได้มีการทดลองทำปลากระป๋องในซอสมะละกอเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพราะในสมัยนั้นประเทศไทยไม่มีพันธุ์มะเขือเทศเป็นของตัวเอง จนในที่สุดก็พัฒนามาเป็นปลากระป๋องในซอสมะเขือเทศหน้าตาคุ้นเคย เหมือนในปัจจุบัน
หัวใจของปลากระป๋อง คือปลามะเขือเทศ และกระป๋องซึ่งเดินทางมาจาก 3 แห่ง ได้แก่ กระป๋องมาจาก บ.ตรังแคนเนอร์รี่ จำกัด ซึ่งอยู่ห่างจากโรงงานทำปลากระป๋องราว 2 กม.น้ำมะเขือเทศเข้มข้นมาจาก บ. ศรีเชียงใหม่อุตสาหกรรม จำกัด จ.หนองคาย และปลามาจากท่าเทียบเรือภูเก็ต
เมื่อเดินทางไปยังโรงงานทำกระป๋องมาจาก บ.ตรังแคนเนอร์รี่ ได้พบว่ากระป๋องใส่ปลานั้น มีด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ กระป๋อง 2 ชิ้น และ 3 ชิ้น วัตถุดิบ เช่น เหล็กนั้นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ มาผ่านกระบวนการเคลือบดีบุก ชุบแลกเกอร์ โดยมีหัวใจของการทำกระป๋อง คือความปลอดภัย และการถนอมอาหาร โดยมีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้กระป๋องมีอายุการใช้งานนาน 3 ปี เทียบเท่าอายุอาหารเท่านั้น
ส่วนมะเขือเทศนั้น อยู่ติดตะเข็บชายแดนไทย-ลาว ที่อำเภอศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ที่ บ.ศรีเชียงใหม่อุตสาหกรรม จำกัด มะเขือเทศที่เหมาะจะทำเป็นซอสเข้มข้นนั้นต้องมีลักษณะ สีแดงเข้ม เนื้อแน่น ลูกใหญ่ ผลผลิตต่อไร่สูง โดยโรงงานมีการประกันราคามะเขือเทศให้เกษตรกรผู้ปลูกด้วย เมื่อมะเขือเทศเข้าสู่โรงงานจะผ่านการล้าง คัดคุณภาพ แยกเนื้อออกจากเปลือกและเม็ด สับ ปั่น และต้มด้วยความร้อน จนน้ำระเหยออกจากมะเขือเทศ ในความเข้มข้นที่โรงงานต้องการ จากนั้นใส่ถุงลงถังผลิตภัณฑ์ ขนาด 220 ลิตร ส่งตรงโรงงานทำปลากระป๋องปุ้มปุ้ยต่อไป
ส่วนปลาที่จะเอามาทำปลากระป๋องมาจาก ทะเลอันดามัน และอ่าวไทย มีปลา 5 ชนิด ได้แก่ ปลาซาร์ดีน ปลาลัง ( ปลาทูยาว ) ปลาโอ ปลาตาโต และปลาทูแขก
ส่วนปลาที่นิยมใช้มากที่สุดคือปลาทูแขก ซึ่งอยู่ในตระกูลปลาแมคคอลแลล โดยพ่อค้าปลาจะจัดส่งโรงงานทำปลากระป๋องราว 80 % ของปลาทั้งหมด เรือจับปลาที่เอามาทำปลากระป๋อง เป็นเรือประเภทอวนดำ อวนลาก มีขนาด 16 วา รองรับปลาได้คราวละ 100,000 กิโลกรัม
โดยวิธีการจับปลาในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องมีเครื่องมือตรวจจับหาฝูงปลาที่ทันสมัยหลายๆ เครื่อง เช่น เครื่องโซน่าร์ และโซเดอร์เพื่อตรวจหาฝูงปลา เครื่องวัดกระแสน้ำ เครื่องหาพิกัดตำแหน่งเรือ เรดาร์ตรวจจับเป้าเหนือผิวน้ำ และมีเรือปั่นไฟ ทำหน้าที่ให้ความสว่างบนผิวน้ำ หลอกล่อให้ฝูงปลามาตอมไฟเพื่อจับปลา คืนๆ หนึ่งไต๋เรือสามารถจับปลาได้ราว 10,000 – 15,000 กิโลกรัม และเคยจับปลาได้สูงสุดคืนหนึ่งถึง 70,000 กิโลกรัมราคาขายตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท
เมื่อได้ปลากระป๋อง และมะเขือเทศ มาครบแล้วทั้ง 3 ส่วนประกอบสำคัญจะเดินทางมาที่ บ. ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) หรือโรงงานทำปลากระป๋องตรา ปุ้มปุ้ย จ.ตรัง ก็จะเข้าสู่กระบวนการทำปลากระป๋อง
โดยเริ่มจากล้างทำความสะอาดปลา ใช้คนตัดหัวหางปลาด้วยความเร็ว 60 กิโลกรัมต่อคน ต่อชั่วโมง ล้างอีกครั้งก่อนใส่ในกระป๋อง จากนั้นนึ่งด้วยความร้อนราว 25 นาที ใส่น้ำมัน ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศ ผนึกฝาพร้อมกำหนดวันคลอดปลากระป๋องและวันหมดอายุ จากนั้นปลากระป๋องจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพ และฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อน ก่อนจะจัดส่งถึงมือผู้บริโภคต่อไป
ที่มา http://modernine.mcot.net/view.php?news_id=950&tk=ennews |