เอกลักษณ์ทางธรรมชาติ-พะยูน

ตันหยง ตันหยง หยงไหรละน้อง เจ้าดอกเหฺมฺล

บังไปไม่รอดเสียแล้วแด ถูกเหน่น้ำตาปลาดุหยง

คดข้าวสักหวัก คิดถึงน้องรักบังกินไม่ลง

ถูกเหน่น้ำตาปลาดุหยง บังกินไม่ลงสักคำเดียว

บทเพลงรองเง็งบทนี้ร้องกันอยู่ในแถบชายฝั่งทะเลตะวันตก ซึ่งรวมทั้งที่เมืองตรัง นอกจากการทำหน้าที่สะท้อนความเชื่อแล้ว ยังเป็นเครื่องยืนยันว่ปลาดุหยงหรือพะยูนเป็นที่รู้จักมานานแล้วในแถบนี้

ปลาดุหยงหรือพะยูน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตระกูลเดียวกับช้าง มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น หมูน้ำ เงือก วัวทะเล Dugong Sea cow มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dugong dugong

มีนิทานชาวบ้าน กล่าวถึงหญิงมีครรภ์ที่อยากกินลูกหญ้าชะเงาซึ่งเป็นหญ้าทะเลชนิดหนึ่ง การกินหญ้านี้ทำให้นางกลายเป็นปลาดุหยงไปในที่สุด

สมัยก่อน เรื่องราวของพะยูนคงเป็นรับรู้กันเฉพาะในหมู่เล ทั้งด้วยตำนาน บทเพลง ความเชื่อ และปรากฏการณ์จริงที่พะยูนบังเอิญมาติดอวน หรือมาเกยตื้นตาย

พ.ศ. 2535 การประโคมข่าวของสื่อมวลชนเกี่ยวกับการพบพะยูนฝูงสุดท้าย ผลการทำงานขององค์กรพัฒนาเอกชน จิตสำนึกของประมงชาวบ้านที่เริ่มตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรทะเลไว้เป็นหม้อข้าวหม้อแกงให้กินนานๆ รวมกับการที่ทางราชการเริ่มส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเอกชนจัดงานสัปดาหักษ์พะยูน ล้วนส่งผลต่อการอนุรักษ์พะยูน

เรื่องของ โทน พะยูนน้อย ซึ่งกลายเป็นตำนานของหมู่บ้านเจ้าไหมเกิดขึ้นเมื่อปี 2537 เมื่อเด็กน้อยแห่งบ้านเจ้าไหม พบพะยูนเกยตื้นและได้ช่วยชีวิตมันไว้ วันต่อๆ มามันก็เข้ามาวนเวียนอยู่อีกพวกเขาเลยตั้งชื่อให้ว่า “เจ้าโทน” โทนคุ้มเคยกับผู้คนในหมู่บ้านรวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาเล่นกับเด็กๆ ยอมให้จับต้องได้ เมื่อข่าวแพร่ออกไป นักท่องเที่ยวก็หลั่งไหลเข้ามา หมู่บ้านเจ้าไหมกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คึกคักในยามนั้น เพียงหนึ่งปีผ่านไปเหตุการณ์เศร้าสลดก็เกิดขึ้น ด้วยข่าว “โทนตายแล้ว…โทนติดอวนตาย” หลังจากนั้นข่าวการตายของพะยูนตัวอื่นก็ตามมาเป็นระลอก

ปี พ.ศ. 2539 จังหวัดตรังเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 29 ในครั้งนั้นได้ใช้พะยูนเป็นสัตว์สัญลักษณ์และใช้ชื่อว่า พะยูนเกมส์ ทำให้ชื่อพะยูนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ และเมืองตรังเป็นที่รู้จักเริ่มขึ้นอีกนามหนึ่งคือ ดินแดนแห่งพะยูนฝูงสุดท้าย

จากข่าวพะยูนฝูงสุดท้ายประมาณ 60 ตัวในปี พ.ศ. 2535 มีข่าวใหม่จากการสำรวจของสถาบันชีววิทยาทางทะเลภูเก็ตเมื่อ พ.ศ. 2541 ว่าพบพะยูนเพียง 34 ตัวเท่านั้น กระแสอนุรักษ์พะยูนที่เคยครึกโครมดูจะเบาบางลง แต่กลุ่มประมงพื้นบ้านยังคงเดินหน้าในการอนุรักษ์ชายฝั่ง เน้นการทำประมงด้วยเครื่องมือที่ไม่ทำลาย ซึ่งจะส่งผลให้ระบบนิเวศทางทะเลสมบูรณ์ขึ้น แนวหญ้าทะเลที่เป็นอาหารของพะยูนไม่ถูกทำลายนั่นคือการอนุรักษ์พะยูนอย่างแท้จริง เพราะทะเลที่สมบูรณ์จะช่วยรักษาพะยูนไว้เป็นเอกลักษณ์ของเมืองตรัง

 

 

 

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>