จดหมายถึงดวงดาว ตอน 23: ถนนเส้นเดิม

“คิดถึงเธอเหลือเกิน” ฝนที่ตกปรอยๆ กับอากาศยามเช้าเช่นนี้ เด็กสาวค่อยๆ ย้ายร่างของเธอจากเตียงนอน มุ่งหน้าไปที่เก้าอี้ที่เธอลากไปวางไว้ที่ระเบียง แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ดูไม่เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนเช่นวันที่อากาศร้อน “ใครหลายคนคงกำลังเฝ้ามองการเติบโตของฉัน” เธอพูดพึมพำกับตัวเอง “อาจถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเดินจากที่เดิมตรงนี้เพื่อไปค้นหาความฝันที่อยู่ในที่ใดสักแห่งหน” เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นมิตรภาพที่ไม่เคยทิ้งเธอไปไหน “ดวงดาว” สองมิตรภาพนั่งสนทนากันอยู่ที่ระเบียงหลังบ้าน ฝนที่ตกลงมาปรอยๆ แม้จะทำให้ทั้งสองมองไม่เห็นความสดใสของท้องฟ้า แต่ในเวลานี้มิตรภาพของทั้งสองกลับดูสดใสยิ่งกว่า อีกครั้งที่เด็กสาวผู้นี้มีเสียงหัวเราะเช่นเคย ฉันชอบแววตาคู่นี้ของเธอเหลือเกิน แววตาที่ไร้เล่ห์เหลี่ยม เธอช่างเป็นเด็กสาวที่ดวงดาวอย่างฉันไม่กล้าคิดร้ายกับเธอสักวินาทีเดียว “ความฝันของเธอคืออะไร” เสียงคำถามจากดวงดาวเอ่ยขึ้น เด็กสาวหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนตอบดวงดาวไปว่า ความฝันของฉันหน่ะหรือ “ไม่มีหรอก” ฉันมีแค่ถนนเส้นยาวๆ ที่ไปจบตรงไหนก็ไม่มีวันรู้ได้ ดวงดาวทำหน้างุนงงกับคำตอบของเด็กสาวเล็กน้อย เธอจึงอธิบายต่อไปว่า “ก็ฉันมีแค่วันนี้ไงล่ะ” ฉันมีเพียงปัจจุบันที่กำลังก้าวเดิน มันก็เหมือนถนนเส้นยาวๆ ในแต่ละวันฉันอาจได้พบเจอกับอะไรที่ไม่ได้คาดคิดไว้ ดีบ้างร้ายบ้าง แต่ถนนสายนี้หากเดินเพียงลำพังมันก็ดูเหงาไม่น้อยทีเดียว แต่มันก็ยังดีเสียกว่ามีมิตรที่คอยคิดร้ายร่วมเดินทางกับเรานะดวงดาว เด็กสาวพูดกับดวงดาวต่อไปว่า “วันดีคืนดีสายลมก็พัดพาคนบางคนหวนคืนกลับมาในวันที่เราอ่อนแอ” คงจะเพื่อทดสอบความแข็งแรงในตัวเรากระมัง “แล้วเธอตัดสินใจยังไง กับสายลมที่พัดหวนล่ะ?” ดวงดาวตั้งคำถาม เด็กสาวยิ้มให้ดวงดาวอย่างเป็นมิตร เธอไม่เลี่ยงที่จะตอบคำถามของดวงดาวเหมือนเช่นเคยมา “ฉันคิดอย่างไรกับสายลมที่พัดหวนหน่ะหรือ” ฉันให้อภัยคนบางคนเหล่านั้นได้ แต่คงไม่มีประโยชน์อันใดหากคนสองคนนั้นต้องก้าวเดินใหม่ในที่เดิมๆ ที่พวกเค้าเคยเดินร่วมกันมาแล้ว ไม่ใช่ว่ามันไร้ความตื่นเต้นหรอกนะดวงดาว แต่เพราะว่าเราต่างรู้ว่า “เราเป็นเรา” และ “เค้าเป็นเค้า” มันก็คงคล้ายๆกับว่าฉันพยายามปลูกต้นไม้ในที่เดิม ที่ๆตัวเองรู้ว่าปลูกให้มันเติบโตไม่ได้ “แล้วเธอไม่เหงาหรือ?” กับทางเดินบนถนนเส้นยาวที่อยู่ตรงหน้า มันก็อุ่นใจได้มิใช่หรือหากต้องร่วมเดินกับมิตรที่เคยร่วมเดินกันมา “ก็อาจจะจริงของเธอนะดวงดาว” มันอาจอุ่นใจกว่า แต่สำหรับฉันกลับมองว่าถนนเส้นยาวๆ คงดูสั้นลงหากต้องเดินร่วมทางกันใหม่ เพราะฉะนั้นให้สองมิตรภาพต่างคนต่างเดินทางบนถนนเส้นยาวๆ ของตัวเองคงจะดีกว่า และอีกอย่าง “ฉันเคยสัมผัสความเหงาในวันที่อ่อนแอมาแล้ว” มันก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่หรอกดวงดาว มันให้เราได้ทบทวนตัวเองเสียด้วยซ้ำ มันทำให้เราได้มองเห็นภาพตัวเองในวันวานอย่างชัดเจน รู้ว่าตัวเองควรเปลี่ยนแปลงตรงไหน ควรทำดีกว่าเดิมอย่างไร ฉันมิได้ลืมมิตรดีดีคนนั้น แต่ฉันก็มิได้จดจำสิ่งไม่ดีของมิตรคนนั้นตลอดไปเช่นกัน เมื่อครั้งเรายังเยาว์วัยเราต่างรู้จักโลกรอบตัวน้อยตามวัยของเรา แต่วันหนึ่งเมื่อเราเติบโตเราจะเข้าใจโลกเหล่านั้นมากขึ้นตามวัยเช่นกัน ฉันเชื่อว่าสักวันสายลมจะพัดพาคนบางคนไปไกลจากเรา จนคล้ายว่าเราอยู่กันคนละโลกไปแล้ว เพราะฉะนั้นมันคงป่วยการหากฉันยังมัวแต่เก็บกักความทรงจำเดิมที่อยู่บนถนนเส้นเดิม แล้วเมื่อไหร่กันล่ะที่ฉันจะเดินไปสุดถนนเส้นยาวของตัวเองได้สำเร็จเสียที จริงไหมดวงดาว? ดวงดาวได้แต่ยิ้มกับเด็กสาว เธอแข็งแรงกว่าที่ใครหลายคนมอง แม้บางครั้วแววตาของเธอจะซ่อนความอ่อนแอไว้ได้ไม่มิด แต่เด็กสาวผู้นี้มุ่งมั่นเหลือเกินที่จะเดินอย่างเติบโต บัดนี้เธอทำให้ดวงดาวอย่างฉันเข้าใจแล้วว่า “สายลม” มิได้พัดหวนความทรงจำในวันวานคืนกลับมาหาเธอได้เสมอไป

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>