Category: มุมนักเขียน

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 28 : ทบทวน

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 28 : ทบทวน

ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุ เด็กสาวผู้นี้กำลังพยายามพรวนดินในที่แห่งเดิมที่ต้นไม้ของเธอเคยเติบโตและล้มตายไปต่อหน้า เธอบรรจงปลูกต้นไม้ขึ้นใหม่อีกครา “ฉันไม่กลัวหรอกนะ” ว่าวันพรุ่งนี้เธอจะล้มตายไปอีกหรือเปล่า แม้ว่าความพยายามของฉันจะไม่เป็นผลสำเร็จอีกเช่นเคย แต่ฉันจะปลูกเธอแบบนี้เรื่อยไป เด็กสาวพูดกับต้นไม้ที่เธอหมายมั่นว่ามันจะเติบโตได้อย่างสวยงามขึ้นอีกครั้ง “ที่ตรงนี้ เคยเป็นที่ที่ฉันพบเจอดวงดาว” และที่ตรงนี้มีความทรงจำต่างๆ เกิดขึ้นกับฉันมากมาย แต่ฉันมิได้มารอการกลับมาของดวงดาวที่นี่หรอกนะ “งั้นเธอก็มารอสายลมอย่างฉันใช่ไหม?” คำถามจากสายลมดังขึ้น เด็กสาวแหงนหน้าขึ้นไปมองเจ้าของคำถามนั้นด้วยความประหลาดใจ “ฉันรึ? มารอสายลมผู้เหน็บหนาวอย่างเธอ” เด็กสาวพูดพลางหัวเราะชอบใจกับคำถามของสายลม “ดวงดาวยังไม่กลับมาหาเด็กสาวผู้นี้อีกหรือไร เธอถึงได้ลงมือปลูกต้นไม้อยู่ลำพังเช่นนี้” สายลมถามคำถามที่เรียกอารมณ์อ่อนไหวของเด็กสาวได้ดีทีเดียว “ช่างดวงดาวปะไร” เด็กสาวตอบสายลมด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เค้าจะกลับมาหาฉันหรือไม่ ใช่เรื่องอะไรของฉันที่ต้องเฝ้ารอ “หมดศรัทธาในตัวดวงดาวแล้วงั้นรึ?” สายลมเอ่ยคำถามขึ้นอีกครั้ง “ฉันมิได้หมดศรัทธา” เด็กสาวเอ่ยตอบสายลมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก็เธอบอกฉันเองมิใช่หรือสายลม ว่าอย่าคาดหวังอะไร ฉันก็เลยพยายามที่จะปลูกต้นไม้เหล่านี้โดยไม่เฝ้ารอดวงดาวไงล่ะ มันต้องเติบโตได้ด้วยสองมือของฉันสิ...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 27 : คาดหวัง

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 27 : คาดหวัง

การติดต่อกลับมาเพียงข้อความสั้นๆ ในกระดาษจดหมายที่ดวงดาวส่งถึงเด็กสาว “อย่ารอการกลับไปของฉันอีกเลย” เด็กสาวอ่านด้วยใจที่หมดหวัง กระดาษจดหมายแผ่นนั้นร่วงหล่นที่พื้น เธอทิ้งกายลงนั่งพิงผนังสีขาว มีแต่ความไม่เข้าใจเต็มไปหมด มันคืออะไรกันดวงดาว? เธอนึกอยากจะเขียนข้อความถึงฉัน เธอก็เขียนมาเพียงแค่นี้นั่นหรือ เหตุผลของเธอคืออะไรกัน? ฉันมิควรได้รับรู้มันอย่างนั้นหรือ? เด็กสาวกอดเข่าตัวเองไว้แน่น กล่าวโทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอก็หยุดชะงักทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงสายลมที่กำลังพัดผ่าน เด็กสาวนั่งกอดเข่าน้ำตาพรั่งพรู แหงนหน้าถาม “สายลม” ผู้เหน็บหนาว เธอจะต้องทดสอบฉันอีกนานเท่าไรเล่า สายลมส่ายหน้าให้เด็กสาวอย่างเอ็นดู “ฉันมิเคยได้ทดสอบความรู้สึกเธอเลยสักครั้ง” เพราะเธอเองหรือเปล่าล่ะเด็กสาวที่เฝ้าหาคำตอบ คาดหวังว่านั่นคือ “ทุกสิ่งที่เธอค้นหา” เด็กสาวก้มหน้าหลบตาสายลม ตอบคำถามกลับไปด้วยเสียงสั่นเครือ “ฉันหรือคาดหวัง” และ “ฉันหรือเฝ้าหาคำตอบ” ฉันมิควรทำนั้นนหรือสายลม เด็กสาวย้อนถามสายลมด้วยความไม่ชอบใจนัก “แล้วความสุขของเธอ อยู่กับคำตอบเหล่านั้นหรือเปล่า”...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 26: ฤดูที่เปลี่ยน

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 26: ฤดูที่เปลี่ยน

นานเท่าไหร่แล้ว “ดวงดาว” ที่เราไม่ได้เจอกัน นานเท่าไหร่แล้ว “ดวงดาว” ที่เราไม่ได้พูดคุย นานเท่าไหร่แล้ว “ดวงดาว” ที่เราไม่ได้ข่าวคราวของกันและกัน เด็กสาวค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ นี่มิใช่ความฝันของฉันหรอกหรือ เธอไม่ได้อยู่ตรงนี้จริงๆ เด็กสาวหันไปมองปฏิทินที่ถูกวางไว้หัวเตียง พลางรำพันกับตัวเอง “ฉันไม่เคยนับวันเวลา” ว่าเธอเดินทางไปนานกี่วันแล้ว แต่ฉันยังคงเฝ้ามองปฏิทินด้วยความหวังว่า “วันหนึ่ง” ดวงดาวจะเดินทางกลับมาตรงนี้ มิตรภาพหนึ่งของเธอยังรออยู่ตรงนี้ด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมเช่นเคย เด็กสาวลุกขึ้นจากเตียงมุ่งหน้าไปที่ระเบียง ที่ที่เดียวที่เธอใช้เวลาได้ยาวนานที่สุด “เหน็บหนาว” ได้เพียงนี้เลยหรือ เด็กสาวพูดกับตัวเอง เธอกล่าวถึงสายลมที่กำลังพัดผ่านร่างกายเธอ “ฉันรู้สึกเหน็บหนาว” เมื่อเธอเคลื่อนตัว หัวใจฉันเต้นแรงไม่น้อยเมื่อสัมผัสความเหน็บหนาวนี้ บอกฉันหน่อยสิสายลมฉันต้องปรับตัวอย่างไรถึงจะอยู่ได้โดยไม่รู้สึกเหน็บหนาวกับกระแสลมของเธอ หากดวงดาวยังอยู่ เค้าคงตอบฉันได้ว่าฉันควรทำอย่างไร ความอ้างว้างมันเงียบเหงาแบบนี้หน่ะหรือ วันที่เราไร้อ้อมกอดมันว่างเปล่าแบบนี้หน่ะหรือ...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 25: ชีวิตที่ต้องเดินต่อ…

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 25: ชีวิตที่ต้องเดินต่อ…

ใครว่าเราผ่านความเหน็บหนาวนี้ไปไม่ได้… แม้วันนี้วันที่ไร้ความห่วงใยของดวงดาวฉันยังมีสองมือนี้ที่โอบกอดตัวเองได้ ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างดวงดาวที่รัก ความเหน็บหนาวจะทำร้ายเธอได้หรือเปล่า? แล้วเธอจะโอบกอดตัวเองได้แน่นเพียงไร? เด็กสาวรำพันกับตัวเองในวันที่ไร้เงาของมิตรภาพ วันนี้มีเพียงเก้าอี้สีขาวตัวเดิมที่รองรับทุกอารมณ์ของเธอแทนมิตรภาพแดนไกลนามว่า “ดวงดาว” เธอเห็นไหม? ฉันก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตแบบนี้ต่อไป ชีวิตที่ไม่เป็นอย่างที่เราวาดฝัน ชีวิตที่ความเป็นจริงมีน้ำตามากกว่าเสียงหัวเราะ แต่สักวันฉันจะต้องหัวเราะให้มากกว่าน้ำตาที่ใหลรินออกมาให้ได้ เด็กสาวกล่าวอย่างมุ่งมั่น “เธอว่าป่านนี้ดวงดาวจะทำอะไรอยู่” เค้าจะคิดถึงเด็กสาวคนนี้มากน้อยเพียงไร จะเทียบเท่ากับความคิดถึงของฉันหรือเปล่านะ ค่ำคืนที่ท้องฟ้ายามไร้ดวงดาวคงดูเงียบเหงาไม่น้อยเลย แต่หากเราลองเพ่งมองท้องฟ้าในยามค่ำคืนดูดีดี เราจะมองเห็นว่าความสว่างของดวงดาวยังคงส่องแสงมาถึงเราได้เช่นกัน หากฉันมัวแต่นั่งจมอยู่ตรงนี้ หมายชื่นชมเพียงท้องฟ้าที่ทอแสงเต็มฟ้าเพราะดวงดาว แล้วเมื่อไหร่กันที่ชีวิตจะถึงจุดหมายปลายทางกับเค้าบ้าง เด็กสาวพูดพลางลุกขึ้น เธอหันมามองเก้าอี้พร้อมพูดว่า “ดวงดาวจะมีความสุข หากรู้ว่าฉันยังดำเนินชีวิตต่อไปได้” เด็กสาวค่อยๆ เอื้อมมือเปิดประตูห้องของเธอพร้อมกับก้าวเดินไปยังตามทางที่เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดเดินเสียด้วยซ้ำ ดูรอยยิ้มของเด็กผู้หญิงคนนั้นสิช่างงดงามเหลือเกิน ฉันเพิ่งรู้วันนี้เองว่าการได้เห็นรอยยิ้มของคนรอบตัวมันมีความสุขได้เช่นกัน บางทีถนนบางสายที่เราไม่เคยก้าวเดิน มันก็มีความสวยงามบางอย่างซ่อนเอาไว้ให้เราได้ชื่นชม สายลมอาจจะเหน็บหนาวบ้างแต่หากฉันโอบกอดตัวเองให้เป็น...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 24: ทางเดินแห่งฝัน

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 24: ทางเดินแห่งฝัน

มันมิใช่ “ความฝัน” เด็กสาวเอ่ยขึ้นต่อหน้าดวงดาว บอกฉันสิดวงดาวว่ามันมิใช่ความฝันใช่ไหม? ดวงดาวสบตาเด็กสาวด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความห่วงใย “ฉันมิได้ทอดทิ้งเธอหรอกนะ” ฉันเพียงแค่ต้องเดินทาง ฉันสัญญาว่าวันหนึ่งฉันจะกลับมาหาเธอ ดวงดาวเอ่ยคำสัญญากับเด็กสาวผู้อ่อนไหว เด็กสาวได้แต่ยืนฟังดวงดาวอย่างเงียบงันพลางมองหน้าดวงดาวอย่างเด็กสาวผู้สิ้นหวัง “เดินทางงั้นหรือ” คำถามจากเด็กสาวเสียงบางเบาเหลือเกิน เธอไม่สนใจคำตอบจากดวงดาวเสียด้วยซ้ำ “เดินทาง” มันเป็นคำพูดที่ใช้ได้ดีไม่น้อยเลยสำหรับคนที่ต้องการจากไป บอกฉันด้วยสิดวงดาวว่านั่นคือการเดินทางตามฝันของเธอ เด็กสาวพูดจาประชดประชันดวงดาวผู้ซึ่งเป็นมิตรภาพเดียวที่เธอหลงเหลือในเวลานี้ “เธอไม่ดีใจหรอกหรือที่ฉันได้เดินทางตามฝัน” ดวงดาวเอ่ยย้อนถามเด็กสาว เธอเงยหน้าสบตาดวงดาวแล้วตอบไปว่า “หากฉันไม่ดีใจเธอจะไม่เดินทางตามฝันงั้นหรือ” ก็เปล่ามิใช่หรือ เพราะฉะนั้นฉันจะสุขหรือไม่สุขใจกับการเดินทางตามฝันของดวงดาว คำตอบของฉันก็ไร้ประโยชน์กับการเดินทางครั้งนี้อยู่ดี ฉันแสดงอาการเสียใจที่ดวงดาวมาร่ำลาก็มิได้หมายความว่าฉันไม่สุขใจกับการได้เห็นมิตรภาพที่รักได้เดินทางตามความฝันของตัวเองหรอกนะ และแม้ว่าฉันจะมีรอยยิ้มตอบรับคำร่ำลาก็ใช่ว่าฉันจะสุขใจนักที่ได้เห็นมิตรภาพที่รักกำลังจะเดินทางไกลห่างออกไป เธอตัดสินเด็กสาวอย่างฉันจากสีหน้าไม่ได้หรอกดวงดาว หากเธออยากจะรู้นักว่าฉันดีใจด้วยกับเธอหรือไม่ ก็จงรับรู้ไว้ว่า “ฉันดีใจเสมอ” เด็กสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหันหลังให้ดวงดาวเพื่อหลบซ่อนแววตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตา ก่อนจะเอ่ยคำพูดต่อไปว่า…ครั้งหนึ่งมีใครคนหนึ่งเดินมาบอกกับฉันว่า “เค้าต้องการจะเดินทางตามฝัน”...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 23: ถนนเส้นเดิม

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 23: ถนนเส้นเดิม

“คิดถึงเธอเหลือเกิน” ฝนที่ตกปรอยๆ กับอากาศยามเช้าเช่นนี้ เด็กสาวค่อยๆ ย้ายร่างของเธอจากเตียงนอน มุ่งหน้าไปที่เก้าอี้ที่เธอลากไปวางไว้ที่ระเบียง แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ดูไม่เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนเช่นวันที่อากาศร้อน “ใครหลายคนคงกำลังเฝ้ามองการเติบโตของฉัน” เธอพูดพึมพำกับตัวเอง “อาจถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเดินจากที่เดิมตรงนี้เพื่อไปค้นหาความฝันที่อยู่ในที่ใดสักแห่งหน” เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นมิตรภาพที่ไม่เคยทิ้งเธอไปไหน “ดวงดาว” สองมิตรภาพนั่งสนทนากันอยู่ที่ระเบียงหลังบ้าน ฝนที่ตกลงมาปรอยๆ แม้จะทำให้ทั้งสองมองไม่เห็นความสดใสของท้องฟ้า แต่ในเวลานี้มิตรภาพของทั้งสองกลับดูสดใสยิ่งกว่า อีกครั้งที่เด็กสาวผู้นี้มีเสียงหัวเราะเช่นเคย ฉันชอบแววตาคู่นี้ของเธอเหลือเกิน แววตาที่ไร้เล่ห์เหลี่ยม เธอช่างเป็นเด็กสาวที่ดวงดาวอย่างฉันไม่กล้าคิดร้ายกับเธอสักวินาทีเดียว “ความฝันของเธอคืออะไร” เสียงคำถามจากดวงดาวเอ่ยขึ้น เด็กสาวหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนตอบดวงดาวไปว่า ความฝันของฉันหน่ะหรือ “ไม่มีหรอก” ฉันมีแค่ถนนเส้นยาวๆ ที่ไปจบตรงไหนก็ไม่มีวันรู้ได้ ดวงดาวทำหน้างุนงงกับคำตอบของเด็กสาวเล็กน้อย เธอจึงอธิบายต่อไปว่า “ก็ฉันมีแค่วันนี้ไงล่ะ” ฉันมีเพียงปัจจุบันที่กำลังก้าวเดิน มันก็เหมือนถนนเส้นยาวๆ ในแต่ละวันฉันอาจได้พบเจอกับอะไรที่ไม่ได้คาดคิดไว้ ดีบ้างร้ายบ้าง...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 22: ปล่อย

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 22: ปล่อย

เช้าอีกวันกับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของเด็กสาว เธอมิได้ขังความเศร้าในวันวานไว้กับตัวเองเหมือนเช่นเคย เด็กสาวกำลังงุ่นอยู่กับการเก็บรูปภาพที่แขวนอยู่ที่ผนัง เธอกำลังพยายามปลดมันลงทีละรูปเพื่อเก็บมันห่อกระดาษสีขาวอย่างดีแล้วบรรจงวางใส่กล่องไม้ขนาดใหญ่เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเด็กน้อยข้างบ้านที่ชื่นชมในภาพวาดเหล่านั้นเหมือนเช่นเดียวกับเธอ เธอไม่รู้สึกเสียดายภาพวาดพวกนี้เลยสักนิด ทั้งที่พยายามวาดมันอย่างพยายามอยู่หลายปี บัดนี้ผนังห้องนอนของเธอที่เคยเต็มไปด้วยภาพวาดที่หลากหลายได้กลายเป็นเพียงผนังสีขาวที่ว่างเปล่า เธอบรรจงทาสีผนังห้องนอนของเธอใหม่ดูสว่างสดใสขึ้นกว่าเช่นเคย “เก้าอี้” ตัวเดิมของเด็กสาวที่เธอไม่เคยทาสีมันใหม่ ไม่เคยโยกย้ายตำแหน่งของมันแม้เพียงสักครา บัดนี้เธอโยกย้ายตำแหน่งของมันโดยมิได้ลังเลใจแม้เพียงสักนิด เด็กสาวบรรจงจัดดอกไม้สีแดงสดใสใส่แจกันแก้ววางไว้ข้างๆ เก้าอี้ตัวที่เธอโปรดปราน “ห้องๆ นี้น่าอยู่ขึ้นทันตาเห็น คงจะดีกว่านี้นักหากบนใบหน้าของเจ้าของบ้านหลังนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม” เสียงทักทายจากมิตรภาพที่ไม่เคยห่างหายไปไหน “ดวงดาว” ส่งรอยยิ้มพร้อมคำทักทายให้เด็กสาวอย่างจริงใจ เด็กสาวส่งยิ้มให้ดวงดาวราวกับว่าเธอมิได้สูญเสียสิ่งที่รักไปสักนิด พลางจูงมือดวงดาวไปนั่งบนเก้าอี้ตัวโปรดของเธอ ชื่นชมเจ้าดอกไม้ในแจกันแก้วที่เธอลงมือจัดมันเองกับมือ “มันสวยงามไหมดวงดาว” เด็กสาวตั้งคำถามถามดวงดาว “สวยงามสิ” ดวงดาวตอบโดยไม่ต้องคิดเลยสักนิด ทั้งคู่ชื่นชมความสวยงามของดอกไม้นั้นอยู่พักใหญ่ ดวงดาวประหลาดใจไม่น้อยจ้องมองเด็กสาวด้วยความสงสัย แต่ก็รู้สึกพอใจไม่น้อยที่เห็นเด็กสาวมิได้มีแววตาเศร้าเหมือนเช่นเคยมา จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ดวงดาวอย่างฉันมิได้อยากรู้เหตุผลจากเธอสักนิด เพราะฉันรู้ว่าเธอกำลังพยายามปล่อยทุกอย่างให้ผ่านพ้นไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ฉันเชื่อว่าเด็กสาวผู้นี้จะผ่านมันไปได้ รอยยิ้มของเธอจะค่อยๆ...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 20: กระจกเงา

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 20: กระจกเงา

ฉันมองเห็นเด็กสาวผู้อ่อนไหว มองเห็นหยดน้ำตาอาบสองแก้ม มองเห็นแววตาที่เฝ้ามองหา “ใคร” ที่ฝันถึงทุกค่ำคืน มองเห็นความพยายามที่เธอเพียรทำสิ่งที่ตัวเองรัก มองเห็นการจากลาที่เรียกความเหน็บหนาวให้เธออยู่ร่ำไป มองเห็นความรักที่สวยงามต้องพังทลายลงไปต่อหน้า…เด็กสาวจ้องมองเงาของตัวเองในกระจกเงาบานเก่าที่เธอเกือบลืมไปเสียแล้วว่ามันยังแขวนไว้บนผนังสีขาวข้างเตียงนอนของเธอมานานนับปี “กี่คืนวันจะผ่านเลยไป” กระจกบานนี้ก็ทำให้ฉันมองเห็นตัวเองได้ดีเสมอมา มีเรื่องราวมากมายเหลือเกินถูกซ่อนเอาไว้ให้ระลึกถึงเมื่อจ้องมองมัน ฉันรู้จักตัวเองมากขึ้นเพราะเจ้ากระจกเงาบานนี้ เด็กสาวพูดใส่กระจกบานเก่าของเธอ พลางลูบมันเบาๆ “ขอบคุณนะ” ที่ยังสะท้อนภาพในวันวานให้ฉันได้เห็นเสมอ ขอบคุณที่ให้ฉันพิจารณาความผิดพลาดในวันวาน เด็กสาวเอ่ยขอบคุณกระจกเงาของเธออย่างจริงใจ “มีใครเคยบอกว่า ฉันไม่มีวันปลูกต้นไม้ได้สำเร็จ” เด็กสาวพูดผ่านกระจกเงาบานนั้น “เพราะอะไรนั่นหรือ?” ก็เพราะพวกเค้ามองกันว่าความพยายามของฉันมันเป็นการดันทุรังไงล่ะ ดันทุรังที่จะใส่ปุ๋ยทั้งๆ ที่รู้ว่าต้นไม้พวกนั้นไม่มีวันเติบโตได้ ฉันดันทุรังรดน้ำ พรวนดินทั้งที่รู้ว่าต้นไม้พวกนั้นมิได้มีหัวใจไว้ให้ฉันดูแล ฉันควรจะเลิกรดน้ำ พรวนดินกับต้นไม้ต้นนี้ด้วยหรือเปล่า เด็กสาวพูดพลางหันหน้าไปทางต้นไม้ต้นเดียวที่เธอมี “เธอพยายามปลูกมันด้วยความเข้าใจไม่ใช่หรือ?” ดวงดาวเอ่ยกับเด็กสาว แล้วใยถึงได้คิดจะเลิกรดน้ำพรวนดินเสียล่ะ? เด็กสาวมองดวงดาวอย่างพินิจผ่านกระจกเงา...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 19: คำพูดที่ไม่มีเสียง

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 19: คำพูดที่ไม่มีเสียง

ฉันปรารถนาเพียงแค่ได้เห็นเธอเป็นสุข และปรารถนาเพียงแค่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางส่งเธอถึงฝั่งฝันได้สำเร็จในสักวัน นั่นล่ะคือแรงปรารถนาที่ต้องการทำให้ได้ แต่แล้วแรงปรารถนาเหล่านี้คงกลายเป็นเพียงแค่คำพูดที่ไม่มีเสียงเท่านั้น เด็กสาวพูดพลันหันหน้าไปยิ้มให้ดวงดาว สักวันเธอก็คงเดินจากฉันไปอีกคนใช่ไหมดวงดาว? ทำไมถึงคิดเช่นนั้นล่ะ ดวงดาวตั้งคำถามถามเด็กสาวผู้อยู่ตรงหน้าที่แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวั่นกลัว เด็กสาวพยายามฝืนยิ้มให้ดวงดาวราวกับว่าเธอไม่ได้หวาดกลัวสิ่งใด แต่ก็เช่นเคย แม้เธอจะพยายามปิดบังมันเท่าไหร่ ดวงดาวก็อ่านความหวั่นกลัวของเธอได้ในแววตาคู่นั้น “หากเธอปรารถนาเพียงแค่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางให้ใครสักคนเดินทางถึงฝั่งฝันได้สำเร็จในสักวัน” ใยต้องหวั่นกลัวเมื่อใครคนนั้นต้องหันหลังให้เราเมื่อเค้าถึงฝั่งฝันได้ เด็กสาวได้แต่นิ่งเงียบเมื่อได้ฟังคำพูดนั้นจากดวงดาว ทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกันอย่างนั้นในความเงียบงันชั่วครู่หนึ่ง เด็กสาวก็เอ่ยคำพูดขึ้นมาว่า “นั่นสินะดวงดาว” ใยฉันต้องหวั่นกลัว? หากนั่นคือแรงปรารถนาที่ต้องการ เพียงแต่ว่าฉัน…หวั่นกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอ่ยให้เค้าเข้าใจในเจตนาดีๆที่ฉันมีได้ ก็เพียงเท่านั้นล่ะดวงดาว ร้อยคำพูดที่ถูกเรียงร้อยไว้สวยหรู หวังเพียงจะเอ่ยให้เค้าเข้าใจในวันที่อ่อนแรง สุดท้ายคำพูดเหล่านั้นไม่เคยมีเสียงใดสะท้อนออกมาให้ใครได้ยิน ฉันมิได้หวั่นกลัวการจากลา มิได้หวั่นกลัวการสูญเสีย และมิได้หวั่นกลัววันที่ตัวเองไม่เหลือใคร แต่ฉัน…”หวั่นกลัวคำพูดที่ไม่มีเสียง” ใช่ไหมล่ะ? ดวงดาวพูดขึ้นก่อนที่เด็กสาวจะพูดประโยคนั้นออกมา “ใช่” ฉันกลัวคำพูดที่ไม่มีเสียง กลัวจริงๆ...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 17: โบยบิน

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 17: โบยบิน

“มิตรภาพ” ที่ถูกก่อตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันช่างเป็นภาพที่งดงามนัก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กสาวผู้นี้กับมิตรภาพที่เธอไม่ต้องการหาคำตอบ “ดวงดาว”  เพื่อนที่อยู่ข้างเธอเสมอไม่ว่าอารมณ์ใด มิตรภาพที่เรียกเสียงหัวเราะให้เธอได้เสมอมา ทั้งสองวิ่งเล่นใต้ต้นไม้ที่เติบโตออกกิ่งก้านเป็นร่มเงาให้เด็กสาวอย่างสวยงาม มันคือความหวังเดียวที่เด็กสาวผู้นี้รักษาไว้อย่างตั้งใจด้วยความฝันที่เต็มเปี่ยมว่าสักวันมันจะเติบโตไปพร้อมๆกับเธอ ทั้งสองทิ้งตัวลงนั่งพักใต้ต้นไม้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่บ่อยนักหรอกกับภาพรอยยิ้มแบบนี้จากเด็กสาวของฉัน” คำพูดของดวงดาวทำให้เด็กสาวหยุดนิ่ง เธอเลี่ยงที่จะสนทนาหัวข้อนี้กับดวงดาว พลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาใหม่ “เคยอยากเป็นนกน้อยบนท้องฟ้าบ้างไหม?” คำถามของเด็กสาวเอ่ยขึ้นถามดวงดาว ดูนกตัวนั้นสิ น่าอิจฉามันไม่น้อยได้โบยบินไปในที่ที่อยากไป ได้อยู่ใต้ฟ้าที่งดงามมีแต่ผู้คนแหงนหน้าขึ้นไปมอง ปรารถนาจะเป็นเช่นนกน้อย เพียงเพื่อจะโบยบินได้ดังใจ เด็กสาวไม่พูดอะไรต่อ สายตาจับจ้องที่นกตัวนั้นอย่างตั้งใจ ดวงดาวนิ่งเงียบรอฟังเด็กสาวอย่างจดจ่อ “แต่ทุกวันนี้ ฉันไม่เคยปรารถนาจะเป็นนกน้อยโบยบินอยู่บนท้องฟ้าอีกเลย” ทำไมล่ะ? เธอไม่อยากโบยบินอยู่ใต้ฟ้าที่งดงามแล้วหรอกหรือ? คำถามของดวงดาวทำให้เด็กสาวละสายตาจากนกตัวนั้น “หากผู้คนต้องการแค่เพียงจับจ้องท้องฟ้าที่งดงาม นกน้อยกี่ร้อยตัวก็ไร้ความหมายอยู่ดี” เด็กสาวหันมายิ้มให้ดวงดาวที่รอฟังด้วยใบหน้าที่จดจ่อ “ฉันปรารถนาจะเป็นนกตัวนั้น” ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้คนที่อยู่รายล้อมตัวฉันมักชอบแหงนหน้ามองฟ้า...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 18: ดอกไม้ในแจกันแก้ว

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 18: ดอกไม้ในแจกันแก้ว

“ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกนะว่าฉันจะตัดกิ่งก้านของเธอ หรือตัดเอาดอกไม้สีสันสวยงามพวกนี้ไปประดับประดาไว้ในแจกันแก้วเพื่อหยิบยื่นให้ใครที่ฉันชื่นชม” เด็กสาวเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือโอบกอดต้นไม้ที่เธอรักนักหนา กี่ปีจะผ่านเลยไปฉันจะยังเฝ้าดูแลเอาใจใส่เธอเรื่อยไป เพราะเธอเป็นความสวยงามเดียวในชีวิตที่ฉันสร้างขึ้นด้วยความตั้งใจ ฉันให้สัญญากับเธอตรงนี้ว่าจะไม่พยายามตัดดอกไม้ของเธอไปยัดเยียดให้ใครต่อใครชื่นชมความสวยงาม ทั้งที่เค้าไม่ได้มองเห็นเป็นเช่นเดียวกับฉันเหมือนเช่นที่เคยทำมาก่อน เธอรู้ไหม? เวลาที่เจ้าดอกไม้ในแจกันแก้วพวกนั้นถูกรับไป คนเหล่านั้นเค้านำเจ้าดอกไม้พวกนั้นไปวางทิ้งไว้ตรงที่ๆหนึ่ง โดยมิได้สนใจเลยสักนิดว่าคนที่นำมาหยิบยื่นให้…เค้าต้องใช้ความพยายามมากเพียงใด ฉันจะบอกความลับอย่างหนึ่งให้เธอฟัง เด็กสาวเพียงต้องการระบายความรู้สึกให้ต้นไม้ของเธอฟังถึงความทรงจำที่ฝังอยู่ในใจ เธอเอ่ยกับต้นไม้ถึงความลับนั้นว่า ฉันเคยหยิบยื่นดอกไม้ในแจกันแก้วให้ชายคนหนึ่ง ซึ่งฉันหวังว่าเค้าจะชื่นชมความสวยงามของเจ้าดอกไม้หลากสีสันเหล่านั้นบ้างในยามที่เค้าทุกข์ใจ ฉันได้แต่หวังว่าเจ้าดอกไม้คงจะช่วยให้เค้ารู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อหันมาพบเจอดอกไม้ในแจกันแก้ว แต่สุดท้ายเจ้าดอกไม้จะมีสีสันงดงามสักเพียงไรก็ไร้ความหมายสำหรับชายผู้นั้นอยู่ดี…เด็กสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอมิได้มีน้ำตา แต่ภาพบางภาพของความทรงจำในวันวานย้อนคืนกลับมาทำให้เธอรู้สึกอ่อนไหวอีกครั้ง “เรื่องราวของคนสองคน เมื่อคนหนึ่งคนหายไปจากเรา ภาระยิ่งใหญ่จะถูกทิ้งไว้ให้อีกคนที่เหลืออยู่” เสียงคำพูดจากดวงดาวที่เอ่ยขึ้นให้เด็กสาวได้ยิน เด็กสาวปล่อยมือจากต้นไม้ของเธอ หันหน้ามาฟังดวงดาวอย่างตั้งใจ เธอหมายความว่าอย่างไรหรือดวงดาว ภาระที่ยิ่งใหญ่จะถูกทิ้งไว้ให้อีกคนที่คงเหลืออยู่? ดวงดาวอมยิ้มอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบคำถามของเด็กสาว “ความจริง” ไงล่ะ ความจริงที่คนที่เหลืออยู่ต้องยอมรับและต้องเผชิญต่อไป ชายที่เธอรักเดินจากไปจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เธออาจรู้และอาจไม่รู้เหตุผลของการจากลา...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 16: โหยหา

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 16: โหยหา

อ้อมกอดนี้หรอกหรือที่ฉันปรารถนา สายตานี้หรอกหรือที่ฉันอยากจะเห็น สองมือนี้หรอกหรือที่ฉันได้แต่เฝ้ารอ หากเธอผู้เต็มเปี่ยมด้วยพลังอันอบอุ่นอยู่ข้างกันในวันที่ชีวิตไร้ซึ่งทุกอย่างมันคงจะดีไม่น้อย น้ำตาที่พรั่งพรูอาบสองแก้มของเด็กสาวเธอโหยหาเพียงแค่อ้อมกอดที่เคยสัมผัสยามหลับฝัน ฉันไม่อยากตื่นขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ เพราะบางครั้งความเป็นจริงช่างโหดร้าย ซึ่งต่างจากความฝันที่ทำให้ฉันสัมผัสได้ถึง “ความสุข” แต่นั่นล่ะนะก็เป็นเพียงสุขที่ฉันสร้างขึ้นมาเพื่อหลบหลีกหนีความเป็นจริงที่ไม่อยากเผชิญ แม้ทุกค่ำคืนอยากจะนอนหลับฝันถึงอ้อมกอดที่ปรารถนาสักเพียงไร ไม่นานความเป็นจริงก็มาพรากเราสองออกจากกันเสมอ เด็กสาวค่อยๆเช็ดน้ำตาที่อาบเต็มสองแก้ม พลันคิดถึง “ดวงดาว” แล้วเธอล่ะเป็นมิตรภาพที่อยู่ในความฝัน หรืออยู่ในความเป็นจริงของชีวิตฉันกันนะ สักวันฉันจะได้คำตอบนี้ใช่ไหม? เด็กสาวค่อยๆก้าวขาลุกขึ้นจากเตียงด้วยอารมณ์ที่อ่อนล้าเหลือเกิน แต่ความอ่อนล้าเหล่านั้นก็ไม่เคยสามารถหยุดเธอให้เลิกเอาใจใส่ต้นไม้ที่เธอปลูกด้วยสองมือได้เลยสักครา เด็กสาวมุ่งหน้าไปยังต้นไม้นั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกำลังเติบโต หรือมันโตเต็มที่แล้วจนไม่สามารถเติบโตไปกว่านี้ได้ เด็กสาวโอบกอดต้นไม้ของเธอเหมือนเช่นทุกคราที่เธอเคยทำ น้ำตาที่เอ่ออยู่ในแววตาคู่นั้นบ่งบอกได้ถึงความอ่อนแอของเด็กสาวผู้นี้ว่ามีมากน้อยเพียงใด เธอรำพันกับต้นไม้ซึ่งเป็นความอบอุ่นเดียวที่มีในเวลานี้ ฉันเกลียดความอ่อนแอของตัวเอง เกลียดความเป็นจริงที่คอยทดสอบชีวิตฉัน เกลียดความโหยหาที่ซ่อนอยู่ในตัวฉัน เกลียดที่เอามันออกมาโยนทิ้งไม่ได้ เกลียดกระทั่งในเวลานี้ที่ได้แต่สวมกอดเธอ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกสวมกอดด้วยหรือไม่ สิ้นเสียงรำพันของเด็กสาว มิตรภาพที่เธอเฝ้าหาคำตอบว่านั่นคือความฝันที่สวยงามหรือความเป็นจริงที่เธอสัมผัสได้ก็ปรากฎตัวขึ้น “ดวงดาว”...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 15: นาฬิกาชีวิต

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 15: นาฬิกาชีวิต

เด็กสาวนั่งนิ่งด้วยใจจดจ่อเฝ้ามองเข็มนาฬิกาที่ค่อยๆเดินอย่างช้าๆบนผนังห้องสีขาวของเธอ บ่อยครั้งนักที่คิดอะไรไม่ออก นาฬิกาที่แขวนไว้บนผนังกลับดูเป็นเพื่อนสนิทที่ฆ่าเวลาให้เธอได้ดีในแต่ละวัน “ชีวิตที่ไร้จุดหมาย” ช่างเป็นคำพูดที่เหมาะสมกับช่วงเวลานี้เสียจริง เด็กสาวยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นกับนาฬิกาที่เป็นมิตรภาพใหม่ไปเสียแล้วสำหรับเธอ ยิ่งใจจดจ่อที่มันมากเพียงใด เจ้านาฬิกาที่ว่าก็เดินช้าลงเท่านั้น เด็กสาวบ่นรำพันออกมาเสียงเบาๆ “เจ้านาฬิกา เจ้าช่างเป็นมิตรภาพที่ไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลยจริงๆนะ” ไม่รู้เลยหรือไรว่าฉันต้องการให้เธอเดินให้เร็วกว่านี้ ฉันอยากให้แต่ละวันผ่านพ้นไปโดยเร็ว แต่นี่อะไรกันเธอยิ่งเดินช้าลง ช้าลง จนเหมือนจะหยุดเดินเสียนั่น ในเวลาแบบนี้เธออยู่ไหนนะ “ดวงดาว” เธอรับรู้ได้ใช่ไหม? ว่าฉันกำลังต้องการเธอเพียงใด บางครั้งการมีเพื่อนนั่งอยู่ข้างๆ ฉันอาจไม่ต้องเอ่ยความรู้สึกใดในใจให้เค้าฟัง มันก็ยังอุ่นใจกว่าการที่ฉันต้องนั่งจับจ้องนาฬิกาที่อยู่ตรงหน้านี้เพียงลำพัง ไหนล่ะคำพูดของใครหลายคนที่ว่า “เวลา..จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น” แม้ฉันจะดำเนินชีวิตผ่านเวลามานานเพียงไร เวลากลับไม่เคยช่วยให้อะไรในชีวิตของฉันดีขึ้นได้เลย สิ้นสุดเสียงบ่นตัดพ้อของเด็กสาว ดวงดาวที่เธอถามหาก็ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้า เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวด้วยหัวใจที่เป็นสุขขึ้นมาทันที ดวงดาวทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเด็กสาว มิตรภาพที่แสนดีที่ดูช่างอ่อนแรงเหลือเกิน ทั้งสองนั่งอยู่ตรงนั้นหลังพิงผนังห้องสีขาว สองมือกอดเข่าเอาไว้...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 14: รักที่วางไม่ลง

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 14: รักที่วางไม่ลง

หากความรักในวันวานเปรียบเสมือนภาพวาดที่ถูกแขวนไว้ตามฝาผนัง ห้องสีขาวห้องนี้ซึ่งเต็มไปด้วยกรอบรูปที่ถูกแขวนไว้จนมองไม่เห็นร่องรอยผนังสีขาวความทรงจำที่ถูกถ่ายทอดอารมณ์ผ่านภาพวาด ถูกปิดกั้นไว้ด้วยกระจกบางๆ เพื่อกันไม่ให้สีของภาพเหล่านั้นเจือจาง…เด็กสาวยืนมองภาพวาดเหล่านั้นด้วยความสงสัย ห้องนี้มันเล็กหรือว่าฉันมีภาพพวกนี้มากเกินไป? เด็กสาวยังจ้องมองภาพวาดเหล่านั้นไปรอบๆห้อง ครั้นย้อนคิดหวนกลับไปเมื่อครั้นเป็นเด็กหญิง เมื่อไรที่มีความรัก ฉันมักจะวาดภาพเหล่านี้ขึ้นมาตามอารมณ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ไม่เคยฟังเสียงของคนรอบตัวที่เค้าพยายามบอกให้ฉันเว้นที่ว่างของผนังห้องไว้บ้าง เพื่อให้คนที่ชื่นชมภาพวาดบนผนังสามารถมองเห็นระยะห่างของความสวยงามเหล่านั้นบ้าง จากวันนั้นกระทั่งวันนี้ฉันไม่เคยเข้าใจในคำพูดของคนเหล่านั้นว่าให้เว้นระยะห่างของความสวยงามไว้เพื่ออะไร? ในเมื่อฉันก็ต้องการถ่ายทอดความรักที่สวยงามผ่านภาพวาดบนผนังเหล่านั้นให้พวกเค้าชื่นชม…แล้วตอนนี้เธอมองภาพวาดเหล่านี้ด้วยความรู้สึกเช่นไรกันล่ะ? คำถามที่มาพร้อมมิตรภาพจากดวงดาว เด็กสาวไม่ละสายตาจากภาพวาดเหล่านั้น แต่สีหน้าก็มีรอยยิ้มทักทายให้ดวงดาวผู้เป็นมิตรภาพของเธอ ฉันมองภาพวาดเหล่านี้ด้วยความรู้สึกเช่นไรนั่นหรอ…มันก็ยังสวยงามเช่นวันวานนั่นล่ะดวงดาว แต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าฉันเลิกวาดภาพพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่เพียงว่าฉันไม่เคยทิ้งภาพวาดเหล่านี้เลยสักภาพ ยังเก็บมันใส่กรอบแขวนไว้บนผนังห้องสีขาวห้องนี้เหมือนเช่นวันวาน แล้วทำไมเธอถึงเลิกวาดภาพพวกนี้เสียล่ะ? คำถามนี้ทำให้เด็กสาวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนละสายตาออกจากผนังห้องที่เต็มไปด้วยภาพวาดที่เธอวาดขึ้นมาเองทั้งสิ้น เพราะฉันไม่มีที่ว่างพอที่จะแขวนภาพวาดของฉันแล้วหน่ะสิดวงดาว ดวงดาวอมยิ้มกับคำตอบของเด็กสาว ทั้งคู่ค่อยๆเดินออกมาจากผนังห้องนั้นมุ่งหน้าไปยังสนามหลังบ้านมุมโปรดของเด็กสาว เพราะที่นั่นมีต้นไม้ที่เธอปลูกไว้ซึ่งกำลังเติบโตอย่างสวยงาม ทั้งสองทิ้งตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ที่คอยให้ร่มเงากับพวกเขาเสมอ เด็กสาวยังคงนิ่งไม่พูดอะไรต่อถึงภาพวาดในห้องสีขาวห้องนั้น ดวงดาวกุมมือเธอไว้พร้อมบอกกับเธอว่า ฉันชอบภาพวาดเหล่านั้นของเธอไม่น้อยนะ มันแสดงออกถึงอารมณ์ในรักที่สวยงามของเธอได้ดีทีเดียว แต่หากให้ฉันใช้เวลาอยู่ในห้องห้องนั้นฉันคงอยู่ได้ไม่นานเท่าไรนัก เด็กสาวหันกลับมามองดวงดาวด้วยความสงสัย ทำไมล่ะดวงดาว?...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 13: สายลมอันเหน็บหนาว

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 13: สายลมอันเหน็บหนาว

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 13: สายลมอันเหน็บหนาว บรรยากาศยามเช้าในวันที่ฝนโปรยปราย เด็กสาวใช้ร่มเงาของกิ่งไม้เป็นที่กำบังสายฝน พลางเอ่ยขอบคุณ “ต้นไม้” หากไม่มีเธอฉันคงเปียกปอนไม่น้อย ขอบคุณจริงๆ ที่อยู่ข้างฉันไม่เคยไปไหนถึงแม้ว่ากระแสลมจะพัดผ่านมาเพื่อทดสอบเธอบ่อยครั้งเหลือเกิน หากฉันเข้มแข็งได้อย่างเธอคงจะดีไม่น้อย คงไม่ต้องหวาดกลัวกับกระแสลมที่พัดผ่านมา คงไม่ต้องกังวลว่า “นานเท่าไหร่” กระแสลมนั้นจะพัดผ่านเลยไป เด็กสาวโอบกอดต้นไม้ของเธอไว้อย่างมีความสุข อารมณ์อ่อนไหวที่ซ่อนไว้ภายใต้รอยยิ้มของเด็กสาวผู้นี้ ปิดบังใครหลายคนได้สนิท แต่มิอาจปิดบัง “ดวงดาว” อย่างฉันได้แนบเนียนเลยสักครา ดวงดาวเอ่ยทักทายเด็กสาวทันทีที่พบเจอ “เธอมิได้หวาดกลัวกระแสลมหรอกหรือ” เด็กสาวหันตามเสียงที่ได้ยินจากด้านหลังพร้อมรอยยิ้มที่มองไม่เห็นความเศร้าในตัวเธอสักนิด “ทำไมถึงนั่งอยู่ท่ามกลางสายฝนและกระแสลมเช่นนี้เล่า” เด็กสาวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามนั้น “บางทีหากฉันมัวแต่ซ่อนตัวในวันที่มีกระแสลมแรง ฉันอาจไม่ได้รับรู้เลยว่ากระแสลมนั้นเหน็บหนาวเพียงใด” แต่ก็มิได้หมายความว่าฉันไม่หวาดกลัวกระแสลมเหล่านั้นหรอกนะดวงดาว บางทีฉันก็ต้องแอบซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ไม่ให้คนรอบตัวมองเห็นเพียงเพื่อที่จะเรียนรู้ “ความเหน็บหนาว” ที่ใครหลายคนกำลังเอาชนะมัน “แล้วเธอเอาชนะมันได้หรือยัง”...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 12: ทางตันของความรู้สึก

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 12: ทางตันของความรู้สึก

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 12: ทางตันของความรู้สึก ฉันเป็นเพียงเด็กหญิงธรรมดาเช่นเดียวกับ “ดอกหญ้า” คอยเฝ้ามองความสวยงามจากดวงดาวในคืนพราวแสง ค่ำคืนที่อ่อนแรง “หัวใจ” ช่างไร้จุดหมาย ข่มตาลงนอนหลับด้วยดวงตาที่ชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำตา แต่ศรัทธาและฝันที่ต้องการไม่เคยจางหาย… เด็กสาวทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง มองท้องฟ้าที่ไร้สีสันเช่นเดียวกับหัวใจในเวลานี้พร้อมรำพันกับตัวเองว่า “หากฉันเป็นท้องฟ้า ฉันจะไม่ทำให้เด็กสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้ต้องผิดหวังกับการชื่นชมความสวยงามของฉัน” แต่ว่าในความเป็นจริงฉันมิอาจเป็นท้องฟ้าเช่นเธอได้ ฉันเป็นเพียงดอกหญ้าที่เติบโตขึ้นมาบนผืนทราย ไม่ต้องมีใครคอยรดน้ำพรวนดินให้ ฉันเติบโตได้ด้วยศรัทธาและฝันที่เต็มเปี่ยม แต่ในเวลานี้ดอกหญ้าอย่างฉันช่างอ่อนแรง อยากเติบโตอย่างหาญกล้า อยากแข็งแรงอย่างภูผา ช่างยากเย็นเหลือเกินที่ดอกหญ้าจะกลายเป็นดวงดาวพราวแสงให้คนอื่นชื่นชมยามอ่อนแรง เด็กสาวนั่งรำพันกับตัวเองในคืนที่ไร้ “ดวงดาว” ป่านนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหนนะดวงดาว คิดถึงเด็กสาวคนนี้บ้างหรือไม่? ทุกครั้งที่ฉันอ่อนแรงเธอเป็นภาพแรกที่ปรากฎขึ้นยามฉันหลับตา ฉันมองเห็นเราวิ่งเล่นบนผืนทรายใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่ฉันปลูก แม้จะล้มลงด้วยความเจ็บปวดก็ยังเห็นสองมือนั้นยื่นมือรับให้ฉันจับเพื่อพยุงตัวเองขึ้น ภาพนั้นมันสวยงามขนาดที่เด็กสาวอย่างฉันไม่อยากจะลืมตาขึ้นเพื่อพบเจอกับความเป็นจริงที่ตรงกันข้าม “ดวงดาว” เธอรู้ไหมว่าฉันกำลังเผชิญกับความรู้สึกที่ถึงทางตัน...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 11: ความเฉยชาที่ไม่เคยชิน

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 11: ความเฉยชาที่ไม่เคยชิน

บรรยากาศยามเย็น เด็กสาวนั่งรำพันกับความคิดของตัวเอง พระอาทิตย์ที่ค่อยๆตกลับขอบฟ้า มันเหงาเช่นนี้นี่เองในวันที่ไร้เงา “มิตรภาพ” กี่ครั้งกี่คราวกันนะที่ฉันต้องนั่งทบทวนความรู้สึกเหล่านี้ ทำไมถึงไม่รู้สึกชินชากับชีวิตแบบนี้เสียที เด็กสาวย้อนมโนภาพกลับไปในวันที่เธอมีชีวิตที่รายล้อมด้วยมิตรภาพ บางครั้งความสุขในวันวานก็ยังหล่อเลี้ยงชีวิตคนบางคนให้มีรอยยิ้มได้เสมอ แม้ว่าวันเวลาเหล่านั้นจะเลยผ่านมานานพอแล้ว “ต้นไม้ของฉัน” ทุกครั้งที่ล้มตัวลงนอน แหงนหน้าขึ้นไปมองความสวยงามของเธอ ฉันรู้แต่เพียงว่าเธอยังพัดไหวตามแรงของกระแสลมเสมอ เหงาบ้างไหม? อยู่บนนั้นเพียงลำพัง ฉันดูแลเธอได้จากพื้นดินตรงนี้ ค่อยๆมองเห็นการเติบโตของเธอที่ดูห่างไกลออกไป หากวันหนึ่งเธอเติบโตจนฉันไม่สามารถนั่งชื่นชมเธอจากมุมนี้ได้ อย่าได้ลืมวันที่เราเติบโตมาพร้อมกันได้ไหม? เด็กสาวพูดพลางใช้มือปาดน้ำตาให้แห้งก่อนจะลุกขึ้นทักทาย “มิตรภาพ” จากดวงดาวที่คุ้นเคย เธอสวมกอดดวงดาวไว้แน่นกว่าทุกๆครั้งที่เคยทำ “ทำไมกอดฉันแน่นเพียงนี้ล่ะ?” คำถามจากดวงดาวถามขึ้นทันทีที่รู้สึกได้ถึงอ้อมกอดที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง เด็กสาวค่อยๆผละอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นออกจากดวงดาว “เพราะฉันกลัวว่าดวงดาวจะไม่รู้ว่าฉันยังรู้สึกดีๆกับดวงดาวเหมือนเดิมไงล่ะ” คำตอบของเด็กสาวทำให้ดวงดาวนิ่งเงียบ ก่อนจะเอ่ยปลอบใจเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเคยชิน “ฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกดีดีของเธอจากอ้อมกอดเมื่อครู่นี้” เด็กสาวพูดขึ้นทันทีว่า ฉันดีใจที่ดวงดาวยังรู้สึกและสัมผัสมันได้ว่าฉันยังรู้สึกเช่นไร ฉันไม่ชอบเลยอ้อมกอดของใครสักคนที่บอกอะไรเราไม่ได้สักอย่าง...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 10: บนเก้าอี้ตัวเดิม

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 10: บนเก้าอี้ตัวเดิม

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 10: บนเก้าอี้ตัวเดิม ดวงอาทิตย์กำลังจะตกขอบฟ้า บรรยากาศแบบนี้ทำให้ฉันนึกถึงเก้าอี้ตัวหนึ่งที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันในวันเหน็บหนาว ครั้งหนึ่งฉันเคยนั่งอยู่กับมัน เฝ้ามองท้องฟ้าในมุมๆหนึ่งที่ฉันเชื่อเสมอว่านั่นคือมุมที่สวยงามที่สุด ฉันนั่งอยู่ตรงนั้นทุกๆวัน และไม่เคยแม้แต่จะคิดขยับเก้าอี้ตัวนั้นเพื่อเปลี่ยนมุมไปชื่นชมท้องฟ้าจากมุมอื่นเลย เพราะเหตุผลเดียวที่ว่า “ฉันกลัว” ว่ามุมอื่นของท้องฟ้าจะไม่สวยงาม และถ้าฉันเปลี่ยนที่นั่งจากตรงนี้แล้ว เมื่อวันเวลาผ่านเก้าอี้ตัวนี้จะมีใครมาจับจอง นั่งชื่นชมท้องฟ้าที่สวยงามแทนที่ฉันหรือเปล่า ทุกครั้งที่ฉันเจอกับปัญหาอะไรมา ฉันสามารถทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวนั้นได้โดยไม่ต้องเอ่ยถามมันเลยว่า “ต้องการฉันหรือเปล่า” ไม่เคยมีคำปฏิเสธ และไม่เคยมีคำร่ำลา เพราะมันก็ยืนกรานจะไม่ไปไหนเช่นกัน มันเลยกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันในเวลานั้น “แล้วเก้าอี้ตัวนั้นไปไหนเสียล่ะ?” คำถามจากดวงดาวเอ่ยถามขึ้น เด็กสาวยิ้มให้ดวงดาวก่อนตอบไปว่า “มันยังวางอยู่ที่เดิมเสมอ” ครั้งหนึ่งฉันเคยลองขยับเก้าอี้ตัวนั้น เพื่อเปลี่ยนไปชื่นชมท้องฟ้าจากมุมอื่นดูบ้าง ท้องฟ้ามุมอื่นมันก็สวยงามไม่แพ้กันหรอกนะดวงดาว แต่ว่าความสวยงามมันไม่อาจเหมือนกันได้เท่านั้นเอง “แล้วเธอชอบมุมไหนของท้องฟ้า?” เด็กสาวมองท้องฟ้าด้วยใบหน้าที่ครุ่นคิด ถ้าฉันตอบว่า...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 9: เป็นเธอ

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 9: เป็นเธอ

“ฉันไม่เคยคิดอยากจะย้ายที่ของเธอไปปลูกไว้ตรงไหนที่สวยงามกว่า ไม่เคยคิดอยากจะตัดกิ่งก้านของเธอทิ้ง เพราะเหตุผลที่ว่ามันเติบโตเกินกว่าที่ฉันจะดูแลได้” เด็กสาวเอ่ยรำพันกับต้นไม้ที่เธอปลูกไว้ด้วยสองมือ วันนี้ต้นไม้ของเธอเติบโตให้ร่มเงากับเด็กสาวได้พักพิงยามเหนื่อยล้า “เธอรู้ไหม มันแย่แค่ไหนเวลาที่มีคนพยายามเปลี่ยนเราให้เป็นในแบบที่เค้าพอใจ ฉันต้องเปลี่ยนตัวเองกี่ครั้งเพื่อให้คนที่เรารัก รู้สึกรักเรากลับมาบ้าง” แล้วท้ายที่สุดเค้าคนนั้น รักในสิ่งที่เธอเปลี่ยนหรือเปล่า? เสียงคำถามจากดวงดาวที่ค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ เด็กสาวยิ้มที่มุมปาก ก่อนหลบสายตาจากดวงดาว คำถามที่ไร้คำตอบ เด็กสาวนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำตอบใดให้ดวงดาว มีเพียงสายลมวูบหนึ่งพัดผ่านเข้ามาทำให้สถานการณ์ระหว่างเด็กสาวกับดวงดาวยิ่งดูเงียบเหงามากขึ้น ดวงดาวจึงเปลี่ยนคำถาม ถามเด็กสาวใหม่ว่า “ทำไมเธอจึงไม่ย้ายต้นไม้ของเธอไปปลูกไว้ในที่ที่สวยงามกว่า และ ทำไมเธอจึงไม่พยายามตัดกิ่งก้านของมันทิ้งเพื่อดูแลมันแต่เพียงน้อย” เด็กสาวหันมาตอบคำถามกับดวงดาวว่า “เพราะฉันอยากเห็นมันเติบโตในแบบของมัน โดยฉันยินดีที่จะชื่นชมความสวยงามและไม่สวยงามบ้างในบางมุมของมันน่ะสิดวงดาว” ดวงดาวไม่เอ่ยคำพูดใดกับเด็กสาว ได้แต่เพียงอมยิ้มเพราะพอใจกับคำตอบที่ได้ฟัง “มันไม่ง่ายเหมือนการปลูกต้นไม้ใช่ไหมดวงดาว” จริงๆแล้วหากเรายอมเปลี่ยนตัวเองในทางที่ดีขึ้น ฉันไม่เถียงเธอหรอก เพราะมันก็ควรจะเปลี่ยน แต่หากเรายอมเปลี่ยนความเป็นตัวเราเพียงเพื่อให้ใครอีกคนตกหลุมรักในแบบที่ไม่ใช่เรา เธอจะต้องเปลี่ยนตัวเองอีกกี่ครั้ง ถึงจะได้เป็นเธอในแบบที่เป็นเธอจริงๆเสียที...

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 8: รอยยิ้มบนโลกกลมๆ

จดหมายถึงดวงดาว ตอน 8: รอยยิ้มบนโลกกลมๆ

ตอน 8: รอยยิ้มบนโลกกลมๆ น้อยครั้งนักกับภาพเหล่านี้ เด็กสาวตัวน้อยของฉันกับรอยยิ้มใต้แสงอาทิตย์ ตั้งแต่รู้จักเธอมาฉันเพิ่งสัมผัสรอยยิ้มที่งดงามที่สุดก็วันนี้เอง ดวงดาวแอบมองเด็กสาวของเค้าด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้มเช่นกัน พลางทิ้งตัวลงนอนลงข้างเด็กสาวที่กำลังนอนชื่นชมแสงอาทิตย์ยามเช้า “ดวงดาว ดูดวงอาทิตย์นั้นสิ กำลังยิ้มกับเรา” ดวงดาวหัวเราะชอบใจ “เกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อยในวันวานของฉันหรือนี่” เด็กสาวอมยิ้ม ก็ฉันแค่รู้สึกว่า “มิตรภาพ” อยู่รอบๆตัวเราน่ะสิดวงดาว แต่บางทีเราเองต่างหากที่ปิดประตูไม่ต้อนรับพวกเค้า “แล้วเธอจะรู้ได้อย่างไรก่อนเปิดประตูต้อนรับพวกเค้าล่ะ ว่านั่นคือมิตรภาพ” เด็กสาวหันมายิ้มแล้วตอบดวงดาวว่า “ก็ถ้าฉันไม่เปิดประตู แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่านั่นคือมิตรภาพ” ดวงดาวเอ่ยทันทีว่า “เวลาผ่านไปไม่ทันไร เด็กสาวตัวน้อยของฉันเติบโตไม่แพ้ต้นไม้ของเธอเสียแล้ว” เด็กสาวเอ่ยกับดวงดาวต่อไปว่า บางทีมิตรภาพดีดีที่คนรอบตัวหยิบยื่นให้เราเพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน มันทำให้เราสุขใจกับมิตรภาพนั้นมากเท่าตัวเชียวนะดวงดาว เมื่อก่อนฉันอยากได้มิตรภาพมากมายจากคนรอบๆตัว แต่ฉันก็มัวแต่กลัว ปิดประตูขังตัวเองเอาไว้เพราะความไม่กล้าเดินออกมาเผชิญกับความเป็นจริงนอกประตูบานนั้น แต่วันนี้ฉันกล้าพอที่จะลุกขึ้นเปิดประตูบานนั้นเพื่อเดินออกมาทักทายมิตรภาพดีดีที่รออยู่หน้าประตูบานนั้น ดวงดาวหันไปสบตาเด็กสาว...