iamtrang.com

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นและกีฬาของผู้ใหญ่-สะบ้า

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นและกีฬาของผู้ใหญ่-สะบ้า

 สะบ้า  การเล่นสะบ้า หรือ ยิงลูกบ้า เป็นที่นิยมของคนเมืองตรังมานาน โดยเฉพาะในเทศกาลสงกรานต์ ในเมืองตรังยังมีเล่นกันอยู่บ้างตามหมู่บ้านบางแห่ง      สะบ้าเป็นไม้เถา ลูกเป็นฝักยาวๆ ห้อยลงมา แต่ละฝักจะมีลูก 3 – 8 เม็ด ลูกสะบ้ามีลักษณะกลมแบน ตรงกลางนูนเล็กน้อย ใช้กลิ้งหมุนไปบนพื้นเรียบๆ ได้ดี เหมาะที่จะนำมาใช้เล่นพลิกแพลงต่างๆ    

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นของเด็ก-โจรลักวัว

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นของเด็ก-โจรลักวัว

โจรลักวัว การเล่นเริ่มด้วยการตกลงแบ่งกลุ่มผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่ายใหญ่ๆ คือ ฝ่ายโจร กับ ฝ่ายนาย (ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่) กี่คนก็ได้ ส่วนคนหนึ่งเป็นเจ้าของบ้าน หรือเจ้าของวัว และมีคนเล่นเป็นวัวอีกคนหนึ่งหรือ 2 – 3 คน

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นของเด็ก-เล่นเตย

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นของเด็ก-เล่นเตย

การเล่นเตยเป็นการออกกำลังกายกลางแจ้งของเด็กๆ ที่ให้ความสนุกสนานสร้างความสัมพันธ์ในกลุ่มและฝึกปฎิบัติตามกติกาที่ตกลงร่วมกัน สถานที่เล่นจะเป็นตามลานที่กว้างพอสมควร  การเล่นเตย มี ๒ ชนิด คือ เตยหลัก และเตยวง 

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นของเด็ก-ซ่อนหา หรือปิดตาลักซ่อน

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นของเด็ก-ซ่อนหา หรือปิดตาลักซ่อน

ซ่อนหา หรือปิดตาลักว่อน หรือเคาะกระป๋อง การเล่นซ่อนหาของเด็ก เรียกว่า ปิดตาลักซ่อน สถานที่เล่นส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่กว้างสามารถหลบซ่อนได้ มีการกำหนดเขตบริเวณที่จะหลบซ่อนในระยะใกล้ๆ โดยมีผู้เล่นเป็นฝ่ายผู้หาคนหนึ่งหรือ ๒ คน เด็กที่เหลือเป็นฝ่ายซ่อน ถ้ามีกระป๋องเป็นอุปกรณ์ก็เรียก เคาะป๋อง กระป๋องที่ใช้มักเป็นกระป๋องนมข้นใส่ก้อนหินไว้ข้างใน แล้วใช้ไม้หรือก้อนหินหนักๆ ทุบปากกระป๋องให้ปิดสนิท ไว้ใช้เคาะเป็นเสียงสัญญาณว่าพบผู้ซ่อนแล้ว

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นของเด็ก-ซัดราว ฟัดราวหรืออีฟัด

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นของเด็ก-ซัดราว ฟัดราวหรืออีฟัด

ซัดราว ฟัดราว หรืออีฟัด การเล่นชัดราวเป็นการเล่นเพื่อความสนุกสนาน ผู้เล่นเป็นชายหรือหญิงก็ได้ไม่จำกัดจำนวน มักจะเล่นกันในบริเวณที่โล่งกลางแจ้งตอนแดดร่มอันเป็นการเสริมสร้างสุขภาพให้เด็กได้ออกกำลังกาย และเป็นการรวมกลุ่มของเด็กในช่วงเวลาการทำงานของผู้ใหญ่

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นของเด็ก-ขบลูกยาง

มรดกวัฒนธรรม-การละเล่นพื้นบ้าน นาฏศิลป์และดนตรี-การละเล่นของเด็ก-ขบลูกยาง

ขบลูกยาง เมืองตรังเป็นถิ่นช่วงหน้าแล้งใบไม้ร่วง ลูกยางพาราจะแตกออกจากผลหล่นกระจายอยู่ในสวน เด็กๆ ก็จะไปเก็บเอามาเล่นเรียกว่า ขบลูกยาง

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-นักเขียน กวีเมืองตรัง:วรรณกรรม

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-นักเขียน กวีเมืองตรัง:วรรณกรรม

กวีที่ปรากฏชื่อเสียงคนแรกของเมืองตรังคือพระยาตรัง หรือพระภักดีบริรักษณ์ อดีตเจ้าเมืองตรัง กวีเอกผู้หนึ่งแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีงานวรรณกรรมสำคัญได้แก่ โคลงนิราศตามเสด็จลำน้ำน้อย โคลงนิราศถลาง หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่านิราศพระยาตรัง โคลงดั้นเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเพลงยาวนิราศว่าด้วยครั้งไปวางตราเป็นเจ้าเมืองตรัง เรื่องหลังสุดนี้ปัจจุบันไม่อาจหาต้นฉบับได้

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-บทลิเกป่า

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-บทลิเกป่า

บทลิเกป่า ลิเกป่า เป็นการละเล่นพื้นเมืองที่นิยมแพร่หลายในหมู่คนไทยฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะจังหวัดตรัง กระบี่ และพังงา การละเล่นเช่นนี้มีมานานเท่าใดไม่ปรากฏ ส่วนใหญ่เชื่อว่าเริ่มมีขึ้นในจังหวัดตรัง

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-เพลงรองเง็งตันหยง

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-เพลงรองเง็งตันหยง

การละเล่นชนิดนี้มีลักษณะเป็นเพลงปฏิพากย์คือผู้เล่นต้องร้องกลอนโต้ตอบเพื่อเกี้ยวพาราสีกันระหว่างหญิงชายส่วนใหญ่เป็นกลอนที่ผูกขึ้นสดๆ โดยมีฉันทลักษณ์ที่ค่อนข้างแน่นอน ตัวอย่างบทชาย บุหงาตันหยง หยงไหรละน้องยังดอกสาวเหล้า แต่งงานกับบังตะน้องสาว ลูกออกมาขาวแล้วน่าชม ถ้าได้ลูกหญิง อิจับแขวนปิ้งให้เรียนดัดผม ลูกออกมาขาวแล้วน่าชม ดัดผมน้องหนอรำหล้อแหง็ง

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-คำคล้องจอง คำร้องเล่น

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-คำคล้องจอง คำร้องเล่น

คนไทยนิยมใช้ภาษาที่มีคำคล้องจองกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ จะเห็นว่าเรามีสำนวนคล้องจองใช้กันมากมาย เช่น ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว รักยาวบั่น รักสั้นให้ต่อ เป็นต้น ในจังหวัดตรังมีถ้อยคำคล้องจอง คำร้องเล่นมากมาย ซึ่งเป็นข้อมูลมุขปาฐะเสียเป็นส่วนใหญ่ และวัยที่ใช้กันมากคือวัยเด็ก เพราะเด็กๆ จะรวมกลุ่มทำกิจกรรมและละเล่นต่างๆ อยู่เสมอ จนทำให้คุ้นหูกับถ้อยคำคล้องจองไปโดยปริยาย เช่น เล่น ฉับโหยง หรือ ขวิดโหยง ก็จะมีบทร้องประกอบว่า “ฉับโหยง โยงไม้เกรียบ ผัวเล่นเกรียบ

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-นิทาน ตำนาน:ที่มาของชื่อบ้านนามเมืองตรัง

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-นิทาน ตำนาน:ที่มาของชื่อบ้านนามเมืองตรัง

ความหมายของคำว่า ตรัง มีผู้พยายามหาข้อสันนิษฐานจากเหตุผลต่างๆ ประกอบเพื่ออธิบายความหมายและที่มาของคำว่า ตรัง ไว้หลายแนวความคิด แต่ในที่นี้ยกมาเฉพาะที่เป็นความหมายของำว่า ตรัง ที่ตรวจสอบจากเอกสารแล้วว่ามีแหล่งที่มาชัดเจนสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเป็นหลักในการสันนิษฐานต่อไปได้ ดังนี้

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-ภาษา

มรดกวัฒนธรรม-ภาษาและวรรณกรรม-ภาษา

 ภาษา  ในการศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์ ภาษาถิ่นตรังจัดอยู่ในกลุ่มภาษาภาคใต้ตอนกลางและเขตพื้นที่ฝั่งทะเลตะวันออก ร่วมกับภาษากระบี่ พัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลาบางอำเภอ (ระโนด สทิงพระ กระแสสินธุ์)  ภาษาถิ่นตรังมีลักษณะสำคัญเช่นเดียวกับภาษาถิ่นใต้โดยทั่วไป กล่าวคือ มีสำเนียงพูดห้าวและห้วน ขาดหางเสียง

มรดกวัฒนธรรม-ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น-กันหม้อ ติหมา งานจักสานก้านจาก

มรดกวัฒนธรรม-ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น-กันหม้อ ติหมา งานจักสานก้านจาก

กันหม้อ ติหมา งานจักสานก้านจาก ย่านซื่อ ตำบลแม่น้ำตรัง มีพื้นที่ราบเกิดจากดินตหนึ่งของอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นชุมชนริมฝั่งแม่น้ำตรัง มีพื้นที่ราบเกิดจากดินตะกอนที่แม่น้ำตรังพัดพามาทับถมเพราะอยู่ใกล้ปากน้ำ ประกอบกับอิทธิพลของน้ำทะเลแทรกตัวตามลำคลองเข้ามาถึงชุมชนย่านซื่อ น้ำในบริเวณนี้จึงเป็นน้ำกร่อย ทำให้ต้นจากเจริญเติบโตได้ดี กลายเป็นพืชเศรษฐกิจทำรายด้หลักให้แก่ชาวบ้าน

มรดกวัฒนธรรม-ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น-จักสานเตยปาหนัน

มรดกวัฒนธรรม-ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น-จักสานเตยปาหนัน

จักสานเตยปาหนัน เมื่อครั้งอดีต ชุมชนมุสลิมตลอดชายฝั่งทะเลอันดามันแทบทุกครัวเรือน มีการนำเตยปาหนันหรือเตยทะเลซึ่งเป็นพืชใบยาวสีเขียว ริมขอบใบมีหนามขึ้นแซมปะปนกับไม้ชายทะเลอื่นๆ มาสาน กระเชอ จง (กระบุงเล็ก) เสื่อ หมุก (สมุก) ใส่ยาเส้น ฯลฯ

มรดกวัฒนธรรม-ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น-ช่างแต่งลายกระหนกโลงศพเมืองตรัง

มรดกวัฒนธรรม-ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น-ช่างแต่งลายกระหนกโลงศพเมืองตรัง

ช่างแต่งลายกระหนกโลงศพเมืองตรัง ในอดีตหากบ้านมีผู้เสียชีวิตลง การจัดการพิธีงานศพนับเป็นเรื่องใหญ่ ต้องจัดให้สมกียรติแก่ผู้ล่วงลับ และเพื่อศักดิ์ศรีของเจ้าภาพรวมทั้งคณะญาติพี่น้อง การตกแต่งโลงศพให้สวยสดงดงามและวิจิตรตระการตา เป็นสิ่งหนึ่งที่จะต้องให้ความสำคัญลำดับต้นๆ

มรดกวัฒนธรรม-ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น-ผ้าทอนาหมื่นศรี

มรดกวัฒนธรรม-ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น-ผ้าทอนาหมื่นศรี

ผ้าทอนาหมื่นศรี นาหมื่นศรี แถบถิ่นชุมชนเกษตรกรรม สมัยโบราณมีการทอผ้าใช้เองด้วยกี่พื้นบ้านที่เรียกว่าหูกแทบทุกครัวเรือน ในยุคแรกเริ่ม ผ้าทอนาหมื่นศรีใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นมาทอเป็นผืนผ้า เช่น ฝ้าย ที่ปั่นกันเอง แต่ส่วนใหญ่ใช้ด้ายดิบที่ซื้อมาจากตลาด เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง การทอผ้าต้องหยุดชะงักลงเพราะเส้นด้ายขาดตลาด การจะปลูกฝ้ายปั่นฝ้ายเองก็ไม่ใคร่จะมีใครทำกันนัก หลังจากนั้นชาวบ้านหันไปนิยมผ้าที่ผลิตจากโรงง่นอุตสาหกรรม จากผ้าผืนเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปมีแบบ มีแบบแปลกใหม่ให้เลือกมากมาย ราคาก็ไม่สูงมาก

มรดกวัฒนธรรม-ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น-พร้านาป้อ

มรดกวัฒนธรรม-ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น-พร้านาป้อ

พร้านาป้อ บ้านนาป้อ ชุมชนเกษตรกรรมรอบนอกของตัวเมืองตรังหมู่บ้านคนไทยมุสลิม ผู้คนส่วนใหญ่ยังทำนา ทำสวน และรับจ้างทั่วไป พร้านาป้อ เป็นผลิตและมรดกทางวัฒนธรรมของผมู่บ้าน ที่สั่งสมภูมิปัญญาและประสบการณ์มาตั้งครั้งบรรพชนสืบทอดมาจนถึงลูกหลานรุ่นปัจจุบัน ช่างตีพร้าแห่งบ้านนาป้อแทบทุกคนกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดจำความได้ก็เห็นเขาตีพร้ากันแล้ว

มรดกวัฒนธรรม-โบราณคดี-สิ่งสำคัญคู่บ้านคู่เมือง

มรดกวัฒนธรรม-โบราณคดี-สิ่งสำคัญคู่บ้านคู่เมือง

พระพุทธสิหิงค์เมืองตรัง พระพุทธสิหิงค์ในเมืองไทยถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง มีอยู่เพียงไม่กี่แห่ง เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช แต่ละองค์จะมีตำนานแตกต่างกันไปบ้าง แต่ที่ตรงกันคือกล่าวถึงที่มาดั้งเดิมว่ามาจากลังกา ต่อมาก็มีพระพุทธสิหิงค์สกุลช่างนครศรีธรรมราช สังเกตได้ว่าเมืองที่มีพระพุทธสิหิงค์ส่วนใหญ่เป็นเมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางการปกครอง จึงน่าภูมิใจว่าเมืองตรังซึ่งเป็นเพียงเมืองท่าหน้าด่านในอดีตก็ยังมีพระพุทธสิหิงค์เป็นสิ่งสำคัญคู่บ้านคู่เมือง

มรดกวัฒนธรรม-โบราณคดี-รูปปั้นอนุสาวรีย์

มรดกวัฒนธรรม-โบราณคดี-รูปปั้นอนุสาวรีย์

อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง)      อนุสาวรีย์พระยารัษฎาฯ อยู่บนเนินเตี้ยๆ ในบริเวณเขตเทศบาลเมืองตรัง ตรงต้นทางแยกออกสู่ถนนตรัง – พัทลุง พระยารัษฎาฯ ได้จัดสร้างตำหนักรับเสด็จฯ ได้รับพระราชทาน นามจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เมื่อ พ.ศ. 2452 ว่า ตำหนักผ่อนกาย คนเก่าๆ เรียกกันว่า ที่ยน เพราะรอบบริเวณนี้เป็นดินยน (ยน หมายถึงหล่มเลนหรือโคลนดูด) บางแห่งเขียนเป็น ที่ยล โดยให้เหตุผลว่าเปนที่สูงมองทิวทัศน์ออกไปรอบๆ ได้ชัดเจน